Thursday, May 31, 2018

เร่งปั้น OTOP นวัตวิถีสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ชุมชน l ข่าวค่ำทันโลก l 31 พ.ค.61


via IFTTT

ธอส. มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้ทะลุเป้าแตะ 2 แสนลบ. l ข่าวค่ำทันโลก l 31 พ.ค.61


via IFTTT

หัวเรื่อง รู้ไว้ให้กู้!  3 แพคเก็จ สินเชื่อSME ดอกเบี้ยต่ำ

ต้นทุน เป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนที่สำคัญในการทำธุรกิจ  ผู้ประกอบการรายใหม่บางคนมีไอเดียในการทำธุรกิจแต่กำลังมองหาแหล่งเงินทุนอยู่ หรือแม้แต่ผู้ประกอบการเดิมที่กำลังหาช่องทางขยับขยายธุรกิจ แต่ยังติดขัดเรื่องเงินทุน วันนี้ Smart sme มีสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการมาแนะนำ  มีอะไรบ้างมาดูกันเลย

1.ธนชาต หนุนลูกค้า SME ทำระบบบัญชีเดียว

จากกรณีมาตรการ SME บัญชีเล่มเดียวของภาครัฐที่ออกเป็นกฎหมาย เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME จัดทำบัญชีและงบการเงินที่สะท้อนสถานะการเงินอย่างโปร่งใส ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2562 นี้ ธนาคารธนชาตจึงชี้โอกาสให้SMEกู้ง่ายขึ้น ด้วย โปรโมชั่นจูงใจให้ลูกค้าที่ทำระบบบัญชีเดียว โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ 5% นาน 2 ปี เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ เพราะจะได้ประโยชน์โดยตรง ทั้งการบริหารธุรกิจจะง่ายขึ้นเพราะเมื่อทำบัญชีอย่างเป็นระบบเพียงบัญชีเดียว สามารถวิเคราะห์ผลกำไร-ขาดทุนได้อย่างชัดเจน รวมถึงเงินทุนหมุนเวียนที่ใช้เพื่อขยายกิจการเพิ่ม

 2.บสย. เร่งกระตุ้นยอดค้ำฯ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMES ทวีทุน

โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMES ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ เป็นโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ SMEs โดยร่วมกับธนาคารพันธมิตรที่ปล่อยสินเชื่อเพื่อการดำเนินธุรกิจ ทุกกลุ่ม ทุกประเภท ทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ วงเงินสินเชื่อตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้าน โดย บสย. ช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการสูงสุด 40 ล้านบาท  ซึ่งขณะนี้โครงการยังมีวงเงินรองรับการค้ำประกันสินเชื่ออีก 17,000 ล้านบาท และเหลือเวลาอีก 1 เดือนเท่านั้นโดยปิดโครงการ วันที่ 30 มิถุนายนนี้   โอกาสสุดท้ายของผู้ประกอบการ SMEs ที่จะได้สินเชื่อต้นทุนต่ำ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 4 ปีแรก

 3.สินเชื่อเศรษฐกิจติดดาวจาก SME Development Bank

SME Development Bank  ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน Local Economy Loan   เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็ก  โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยวชุมชนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว และเกษตรแปรรูป (อาหารหรือไม่ใช่อาหาร)  วงเงินโครงการ 50,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ สิ้นสุดรับคำขอกู้ภายใน 18 ธันวาคม 2561 ให้กู้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5.0 ล้านบาท ต่อ ระยะเวลากู้ยืม สูงสุดไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ใน 3 ปีแรก ปีที่ 4 ถึง ปีที่ 7 MLR ต่อปี

บทความที่เกี่ยวข้อง

The post หัวเรื่อง รู้ไว้ให้กู้!  3 แพคเก็จ สินเชื่อSME ดอกเบี้ยต่ำ appeared first on Smart SME.

PROMO NEWGEN


via IFTTT

เอาจิง! พ.ร.บ.โรงแรม ทำผู้ประกอบการเกสต์เฮาส์ร้องจ๊าก l SMEs VOICE l 31 พ.ค. 61


via IFTTT

แฟรนไชส์ ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว l SMEs VOICE l 31 พ.ค. 61


via IFTTT

แบงก์ทยอยปิด ไตรมาสแรกปิดแล้วเฉียด 200 แห่ง l เที่ยงวันทันกระแส l 31 พ.ค.61


via IFTTT

สสว. หนุนเอสเอ็มอีรุกออนไลน์ l เที่ยงวันทันกระแส l 31 พ.ค.61


via IFTTT

ปลัดคลังชี้ ศก. ฐานรากเริ่มกระเตื้อง l เที่ยงวันทันกระแส l 31 พ.ค.61


via IFTTT

Wednesday, May 30, 2018

สถาบันอาหาร ชวน SMEs ฟังสัมมนาฟรี 31 พ.ค.นี้ l ข่าวค่ำทันโลก l 30 พ.ค.61


via IFTTT

EXIM BANK ผุดประกัน CLM ช่วยเอสเอ็มอีลดความเสี่ยง l ข่าวค่ำทันโลก l 30 พ.ค.61


via IFTTT

SCB ปรับสาขาเป็นศูนย์เอสเอ็มอี l ข่าวค่ำทันโลก l 30 พ.ค.61


via IFTTT

แอปพลิเคชัน เป๋าตุง กรุงไทย คว้าโอกาสสังคมไร้เงินสด ตอบโจทย์พ่อค้าแม่ขาย และได้ลุ้นทองทั่วประเทศ

ไทยก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society อย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากมีร้านค้ามากมายติดป้ายการรับจ่ายผ่านระบบ QR Payment อยู่ทุกหนแห่ง เพียงลูกค้าใช้โมบายแบงก์กิ้งสแกน QR Code ก็จะเปลี่ยนให้ทุกการซื้อขายกลายเป็นเรื่องง่าย ทั้งยังสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ประกอบการในด้านต่างๆ เช่น การเตรียมเงินทอน เพิ่มความปลอดภัยเรื่องการทอนเงินผิดหรือแบงก์ปลอม การทำบัญชีรายรับและที่สำคัญร้านค้ายังมีการจัดเก็บฐานข้อมูลต่างๆ อย่างเป็นระบบเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป

สำหรับปัจจุบันแอปฯ เป๋าตุง กรุงไทย ก็เป็นอีกหนึ่งแอปฯ จากธนาคารกรุงไทยที่พร้อมตอบโจทย์และช่วยขับเคลื่อนผู้ประกอบการให้สามารถคว้าทันทุกโอกาสในยุคของสังคมไร้เงินสด โดยเป็นธนาคารกลุ่มแรกที่ธนาคารแห่งประเทศไทย อนุญาตให้สามารถให้บริการ QR Payment ได้ทั่วประเทศ จึงมั่นใจได้ถึงการพัฒนาแอปฯ สมบูรณ์แบบ ทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะในธนาคารกรุงไทยเท่านั้น

เป๋าตุง กรุงไทย ขายคล่อง รับเงินง่าย โมบายแอปฯ เพื่อร้านค้าโดยเฉพาะ

  • แจ้งเตือนเมื่อได้รับเงินด้วย QR Code สร้างความมั่นใจให้กับร้านค้าได้ทุกวินาทีที่มีการรับจ่าย
  • ดูสรุปยอดขายได้ทุกวัน ทำให้รู้ว่าสินค้าชนิดไหนลูกค้าต้องการ ช่วยบริหารจัดการสต็อกง่ายขึ้น
  • รับเงินได้ทุกธนาคาร ผ่านโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารใดก็ได้
  • ได้เงินเข้าบัญชีทันที หมดห่วงเรื่องหาเงินทอน ทอนเงินผิด แบงก์ปลอม และพนักงานทุจริต เนื่องจากไม่ต้องพกเงินสดติดตัวจำนวนมาก
  • ร้านค้าสามารถสร้าง QR Code ได้เอง ช่วยเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยไร้กังวล
  • ล็อคอินเข้าระบบเพียงครั้งเดียว / 1 แอปพลิเคชันใช้ได้กับ Smart Phone และ Tablet มากกว่า 1 เครื่อง
  • ฟรี!! ไม่มีค่าธรรมเนียม

เป๋าตุงพลัส ยกระดับธุรกิจที่มีหลายสาขา ความดี มีเหมือนเดิมที่เพิ่มเติม คือลงได้หลายบัญชี

พร้อมความพิเศษที่ไม่มีในธนาคารใดกับเป๋าตุงพลัส ซึ่งจะเข้ามาช่วยยกระดับธุรกิจที่มีหลายสาขา โดยผู้ประกอบการสามารถดูสรุปยอดขายในร้านค้าแต่ละสาขาได้ทั้งหมด และความพิเศษยิ่งขึ้นคือสามารถแบ่งค่าบริหารจัดการจากรายรับของสาขาต่างๆ มาให้กับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารได้โดยอัตโนมัติ

นอกจากนั้น เป๋าตุงพลัส ยังมีระบบจัดส่งรายงานสรุปยอดทางบัญชีแบบอัตโนมัติทุกวันให้กับเจ้าของร้าน โดยจะแบ่งเป็นยอดรวมรายสาขาเเละรายการของแต่ละสาขา

ลุ้นทอง..ง่ายติ๊ดเดียว กับเป๋าตุงกรุงไทย

พิเศษ ตั้งแต่ 15 พ.ค. – 15 ส.ค. 61 ร้านค้ายังได้รับสิทธิ์ลุ้นทองในแคมเปญ “ลุ้นทอง..ง่ายติ๊ดเดียว กับเป๋าตุง กรุงไทย” จับรางวัลทุกสัปดาห์ๆ ละ 5 รางวัล ของรางวัลรวม 65 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 921,375 บาท

  • สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 20,250 บาท ครั้งละ 2 รางวัล จำนวน 13 ครั้ง รวม 26 รางวัล
  • สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง มูลค่า 10,125 บาท ครั้งละ 3 รางวัล จำนวน 13 ครั้ง รวม 39 รางวัล

ทุกครั้งที่มียอดรับเงินผ่านแอปฯ เป๋าตุงกรุงไทยขั้นต่ำ 20 บาท/รายการ จะได้รับทันที 1 สิทธิ์ สำหรับร้านค้าที่สมัครใหม่ ดาวน์โหลดแอปฯ เป๋าตุงกรุงไทยและรับเงินผ่านแอปฯ ครั้งแรกภายในช่วงระยะเวลาโครงการ รับทันที 5 สิทธิ์ ประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่านทาง www.ktb.co.th

*เงื่อนไขนี้สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา นิติบุคคล ไม่รวมหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ มูลนิธิ สมาคม และวัด

รายละเอียด https://www.ktb.co.th/…/krungthai-update/promotion-detail/49

Krungthai Call Center 02 111 1111

The post แอปพลิเคชัน เป๋าตุง กรุงไทย คว้าโอกาสสังคมไร้เงินสด ตอบโจทย์พ่อค้าแม่ขาย และได้ลุ้นทองทั่วประเทศ appeared first on Smart SME.

Art for cancer พลิกมุมมอง สร้างความสุข กับเพื่อนร่วมโรค | ชี้ช่องรวย New Gen | B4


via IFTTT

Fill me fresh น้ำสมุนไพรไนโตร | ชี้ช่องรวย New Gen | B2


via IFTTT

Fill me fresh น้ำสมุนไพรไนโตร | ชี้ช่องรวย New Gen | B3


via IFTTT

Fill me fresh น้ำสมุนไพรไนโตร | ชี้ช่องรวย New Gen | B1


via IFTTT

Promote Secrets of Victory SS5


via IFTTT

วัวล้วนๆไม่มีควายผสม | ชี้ช่องรวย New Gen | B1


via IFTTT

CareerVisa Thailand | ชี้ช่องรวย New Gen | B4


via IFTTT

วัวล้วนๆไม่มีควายผสม | ชี้ช่องรวย New Gen | B2


via IFTTT

วัวล้วนๆไม่มีควายผสม | ชี้ช่องรวย New Gen | B3


via IFTTT

รวมความเห็น รัฐประกาศยกเลิกใช้ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน

จากข่าว ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 5 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเปิดงานปักหมุดสถานที่ราชการ ที่ไม่ต้องใช้ สำเนาบัตรประชาชน และ เอกสารราชการอื่นๆ เวลาไปติดต่อ หรือ เรียกว่าสถานที่ปลอดเอกสาร โดยข้อมูลทั้งหมดจะแสดงอยู่ในแอพพลิเคชั่นบนมือถือของประชาชน

มาดูความเห็นเกียวกับเรื่องนี้

  • ไม่ใช้แล้วจะไช้อะไรเป็นสำเนาใครตอบได้ช่วยตอบที
  • ผมคิดว่า ถ้าหน่วยงานของรัฐ น่าจะเปลี่ยนเป็นใช้บัตร Smart card กับเครื่องแทนนะครับ เพราะเทคโนโลยีนี้ มันมาเพื่อทดแทนตรงจุดนี้ ปล. แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ รอดูต่อไปนะครับ
  • ใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดเสียบเข้าระบบเลยมั่ง
  • ใช้บัตรสมาร์ทการ์ดเสียบเครื่องอ่านแล้วเขาปริ้นเป็นเอกสารออกมาเลย ไปต่อใบขับขี่ผมถ่ายเอกสารไปเซ๊นกำกับใช้เฉพาะแล้วด้วยเขาบอกไม่ต้องใข้ขอบัตรเราไปเสียบปริ้นออกมาข้อมูลมีครบ ไอ้ที่ถ่ายไปก็เอาไปใช้อะไรไม่ได้ 555
  • บัตรประชาชนหายล่ะ ต้องใช้สำเนาเหมือนเดิม
  • หายก็ไปทำใหม่สิคะ ไม่รีบทำเดี๋ยวเค้าว่าเป็นต่างด้าว
  • เด่วนี้ไปทำบัตร ไม่ได้ใช้เอกสารอะไรนะค่ะ ถ้ามีใบขับขี่ก็เอาไปด้วย ถ้าไม่มี เขาจะให้เขียนชื่อ แล้วคีข้อมูล ของเขาเองค่ะ นี้บัตรหายพึ่งไปทำ2อาทิตย์ก่อน เตรียม สำเนาบัตร กับสำเนาทะเบียนบ้านไป เขาไม่เอาเลยค่ะ
  • วันนั้นไปเปิดบัญชีใหม่ที่ธนาคารกรุงไทย เขาเอาบัตร ปชช.เสียบที่เครื่องก็อ่านข้อมูลเราได้หมด เป็นบัตรรุ่นใหม่สมาร์ทการ์ด
  • บัตรประชาชรสมาร์ทการ์ด รพเริ่มใช้แล้ว
  • เป็นเรื่องที่ดี ที่น่าทำนานแล้ว แต่…ทำไมเอาไปใช้กับappมือถือละครับเนี้ย แล้ว ปชช ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนทำไง~ควรใช้ชิพตรงบัตรให้เกิดประโยน์ไม่ดีกว่าเหรอ อุตส่าห์มีติดมาทุกใบอยู่แล้ว ไม่เห็นเกิดประโยชน์สักที ~ชิพหาย ไปหมดแล้วเหรอครับ
  • นึกว่าจะให้ใช้ชิพ แล้วดึงฐานข้อมูลบน คราว อะไรงี้ นึกว่าจะดีแต่ดันให้ไปพึ่งแอพจากมือถือ บ้าบอ 555 ผลงานระดับชาติ แต่ทำไหมเหมือนเด็กคิดเลย ไม่จ้างคนเก่งๆ เต็มประเทศใน กทม. คงหานักวิเคราะห์ระบบไม่น่ายาก โปรแกรมเมอร์อีกเพียง ว่างระบบสัก 100ล้านใช้ทั้งชาติก็สบายละ เอาทั้งแสกนหน้า แสกนนิ้ว กดรหัสบัตรตามด้วยพาสเวอส และชิพ ทำลองรับไว้ให้หมดทันจะได้จบทีเดียว ให้ลงทะเบียนครั้งเดียวใช้ได้เป็น 100 ปี
  • คิดเหมือนผมเลย คนเก่งๆในบ้านเรามีเยอะแยะทำไมไม่จ้าง แต่ดันไปจ้างอะไรมาก็ไม่รู้…แต่จ่ายค่าจ้างแพงกว่าจ้างโปรมาอีก
    ความเห็น : หาเรื่องแดกงบอีกแล้วไม่ต้องถ่ายเอกสารรัฐจะทำเรื่องเบิกงบมาซื้อเครื่องนั่นนี่ไว้เก็บข้อมูลไว้รูดบัตรเสียบบัตร…เห้อๆๆตังจะหมดคลังแล้วก็ยังจะหาแต่เรื่องแดก…สงสารแต่คนแก่กับคนไม่รู้หนังสือนี่ล่ะคงจะวุ่นวายน่าดู
  • ถ้าคิดแบบนี้ก็อยู่แต่ที่เดิมแหละครับ อินเดียซื้อมะนาวลูกนึงก็รูดบัตรกันแล้วการเปลี่ยนแปลงมันต้องมี เงินส่วนต่างมันมีแน่ ที่พวกนักการเมืองมันได้ แต่เราต้องก้าวไปข้างหน้า คนแก่มันมีทุกรุ่น ถ้าคิดแบบนี้ ต้องรอเด็กอายุ 20 ในตอนนี้ไปเป็นคนแก่อายุ 80 ก่อน ไทยถึงจะได้เปลี่ยนแปลง
  • ถูกแล้วที่ใช้บัตรประชาชน ไม่ต้องถ่ายเอกสาร จะได้ไม่ต้องมีกรณีเอาสำเนาไปเปิดบัญชีธนาคารอีก แล้วในบัตรประชาชนเรามันมีที่เก็บข้อมูลอยู่แล้วแค่เอาข้อมูลใส่ลงไปเท่านั้นเอง มันควรทำมาตั้งนานแล้วคะ
  • แค่เสียบบัตรประชาชนเข้าเครื่อง ข้อมูลทุกอย่างก็เด้งขึ้นมาแล้ว ประหยัดเวลาไปมากๆ คนแก่ชอบค่ะ
  • เรื่องนี้เขาเตรียมการกันมาหลายรัฐบาลแล้ว เขารอเวลาที่จะพร้อมได้ใช้งานกันจริงจัง.. สักที
  • เขาทำกันนี่คนแก่กับคนไม่รู้หนังสือยิ่งง่าย จำแค่บัตรตัวเอง ไม่ต้องไปถ่ายเอกสารมาเขียนชื่อเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ไม่ต้องมาขีดคร่อมเขียนว่าสำเนานี้ใช้เพื่ออะไร…มันวุ่นวายตรงไหน?
  • คนเรานี่แม่งก็แปลกฉิบหาย ตอนเค้าใช้สำเนา พวกคุณแม่งก็บ่นว่า มีบัตรสมาร์ทการ์ดแล้ว แต่ประเทศไทยยังใช้สำเนาอยู่เลย พอเค้าปรับมาใช้บัตรสมาร์ทการ์ด แม่งก็มีพวกออกมาแย้วๆ เปลืองโน่นเปลืองนี่เปลืองนั่น สรุปคือ ถ้าใครเป็นรัฐบาลก็เอาใจพวกคุณไม่ถูกหรอก
  • สมาทการ์ด ถูกนำมาใช้สิบกว่าปีแล้ว ถ้าเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วถือว่าไฮเทคครับ แต่ปัจจุบัน สมาทโฟน ตอบโจทย์กว่าครับ ถ้าจะซื้อระบบสมาทการ์ดมาลงทุกกระทรวง ควรทำเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันถ้าเอามาลงก็ โลวเทคเปล่าๆ ที่หลายๆประเทศใช้เพราะเค้าลงระบบมานานแล้ว และกำลังพยายามข้ามมาเป็นสมาทโฟนกันอยู่ ส่วนเรา ข้ามเป็นสมาทโฟนเลยดีกว่าเยอะครับ
  • โทรศัพท์หายหรือพังทำไงแบบนี้ ก้าต้องลงข้อมุลใหม่เรื่อยๆอะหรา!! แล้วมันจะง่ายต่อการแฮคป่าวแบบนี้ เอาเวลาไปคิดแก้ไขเศรษฐกิิจประเทศดีกว่าครับ
  • มันต้องแก้ไขรอบด้านอยู่แล้วครับการปลอมแปลงเอกสาร คนจบ ม.6 ก็ทำได้ถ้าจะทำ แต่การแฮคข้อมูลอย่างน้อยก็ต้องเป็นคนมีมันสมองระดับนึงแล้วเศรษฐกิจไทยจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับความคิดของผู้บริหาร+ความร่วมมือของประชาชน
  • น่าจะทำตั้งนานแล้ว ไปทำธุรกรรมไม่ว่าจะเป็นอำเภอ/กรมที่ดิน ฯลฯ ทุกครั้งต้องวิ่งหาร้านถ่ายเอกสาร และคนพิการหรือคนชรารับเบี้ยก็ต้องใช้สำเนาทุกครั้งทั้งๆที่เจ้าตัวไปเอง ลำบากชาวบ้านคนแก่/คนพิการมั้ย
  • กรมการปกครอง มีกฎหมายรองรับหรือยังครับ กรณีมีการแอบอ้าง แล้วหน่วยงานราชการ ถูกฟ้องร้อง มีแนวทางปฏิบัติอย่างไร ขอคำชี้แนะ เพื่อจะได้ออกกฎระเบียบให้สอดคล้องกับนโยบาย ที่สวยหรูครับ การเขียนข่าว หรือพาดหัวข่าวควรให้ความกระจ่างด้วยนะครับ
  • ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่มีการพัฒนา “ทุกอย่างมันต้องมีการทดลองและเปลี่ยนแปลง “ เบื่อพวกที่มองโลกแคบๆ กลัวโน่นกลัวนี่ ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลงอะไรมาบ้าง คิดซิ “ไม่เห็นตาย”สักแต่ว่าพิมพ์ๆๆๆๆ ไม่ผ่านการกรองเล้ยยยยย เฮ้อ เพลีย ไปแดกยาดีกว่า
  • เจ้าหน้าที่ก็บางทีใม่รู้โง่จิงหรือแกล้งโง่..กรณีเปลี่ย..ชื่อ.หรือนามสกุล..ต้องขอหนังสือยืนยัน..ก็ในเมื่อเลขบัตรประชาชนมันใม่สามารถเปลี่ยนใด้ก็ดูที่หมายเลขบัตรใม่ต้องวุ่นวายกับเอกสารหลายย่างนะครับ
  • ยกเลิกสำเนาก็ต้องใช้ของจริงบุคคลตัวจริงในการทำธุรกรรมต่างๆเพื่อป้องกันการแอบอ้าง แต่ทำไมต้องเอาข้อมูลสำคัญไปใส่ไว้ในแอพด้วยเกิดสูญหายหรือโดนเจาะข้อมูลสำคัญมันจะเป็นการเปิดช่องทางให้พวกมิจฉาชีพ(ควรจะมีแนวทางป้องกันด้วยนะอย่าหวังแต่ความสะดวกสบายอย่างเดียว)
  • ดีครับยกเลิกสำเนา เปลื่องค่าถ่าย ค่าก็บเอกสาร ค่าดูแลเอกสารแต่ถ้าจะให้ดีราชการน่าจะเสียบแค่บัตรประชาชน แล้วสแกนลายนิ้วมือ แทนการถ่ายเอกสารเพื่อยืนยันตัวต้นก็พอนะ
  • ดี รู้สึกว่าขยับเข้าใกล้ 4.0 มานิดนึง แต่เป็นห่วงเรื่อง security นะครับถ้าเป็น application บนมือถือ
  • ดูมันอันตรายกว่ามั้ยค่ะ ขนาด FB ยัง แฮคกันได้. โอกาสเสี่ยงสูง
  • คราวนี้มีเงินในบัญชีก็คงหายตอนนอนแหละ ขนาดไม่มีสำเนาในโทรศัพท์พวกยังเอาได้
  • พัตนาแล้วกรุณามีบุคลากรและระบบหรือเครืองมือมีให้เพียงพอประชาชนด้วยหรือผู้ใช้บริการด้วย
  • ข้อมูลที่อยู่ในมือถือ…มีการแอ๊คกันบ่อยอันตรายมากถ้าเอาข้อมูลใส่ในมือถือ
  • สมัครงานยังใช้เอกสารโคตรเยอะเลยครับ พอไม่ได้ก็เสียเวลา เสียเงิน 555 ฟรีๆ
  • เอาข้อมูลใบขับขี่ในใส่ในบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดให้ด้วยนะครับ มีแต่ไม่พกจะผิดอะไรนักหนา
  • เยี่ยมค่ะ..ต้องถือว่าเป็นข้อดีของรบ.นี้ ที่หลายๆเรื่องที่ประชาชนบ่นไป ก็รับไปจัดการแก้ไขให้..แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่รอการแก้ไขนะเจ้าค๊า…..
  • เวลาสมัครงานล่ะค่ะ ทางบริษัทก็ต้องขอสำเนาอยู่ดี อีกอย่างถ้าเป็นพวกซับคอนแทรคยิ่งขอสำเนาค่ะ
  • ทำไมต้องเปิดมักหมุดสถานที่ราชการ ที่ไม่ใช้สำเนา แสดงว่าไม่ใช่ทุกที่อย่างนั้นหรือ
  • ความพร้อมของ ปชช.ยังไม่ถึงเวลาใช้แอพฯ ใช้สมาร์ทการ์ดน่าจะพร้อมสุดละตอนนี้
  • แล้วคอยดูแล้วกันว่าจะวุ่นวายขนาดไหน ปชช สมองไม่ได้เท่ากันทุกคน มันต้องประชาสัมพันธ์ล่วงหน้านานๆ
  • ไม่รู้นะคับผมอาจจะคิดมาก หรือโนไปเองก็ได้ เอาไว้โกงคะแนนเสียงเลือกตั่งถ้าจะยกเลิกจริง คนพวกนี้ทำได้ทุกอย่าง
  •  คนไม่มีสมาทโพนไม่ตายห่าหราค่ะคนแก่ๆที่ใช้ไม่เป็นอีกล่ะ…หาเรื่องแดกอีกล่ะแดกจนตังค์จะหมดคลังล่ะ

อ่านความเห็นทั้งหมด >>> [คลิก]
อ่านข่าวอื่น >>> [คลิก]

The post รวมความเห็น รัฐประกาศยกเลิกใช้ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน appeared first on Smart SME.

ฮีโมมิน โปรตีนไข่ขาวเพื่อสุขภาพ สร้างยอดขาย 15 ล้านบาทต่อปี | SME Take Off | 26 พ.ค. 61 | EP.11


via IFTTT

ขอเชิญพี่น้อง SMEs ร่วมงานวิ่งมินิมาราธอนต่อต้านยาเสพติด l เที่ยงวันทันกระแส l 30 พ.ค. 61


via IFTTT

สถาบันอาหาร ชวน SMEs ฟังสัมมนาฟรี 31 พ.ค.นี้ l เที่ยงวันทันกระแส l 30 พ.ค.61


via IFTTT

“สมคิด” สั่งดันแหล่งผลิตอาหาร ผลไม้เป็นที่ท่องเที่ยว l เที่ยงวันทันกระแส l 30 พ.ค.61


via IFTTT

เก็บตก! เปิดลงทะเบียนคนจนรอบพิเศษ l เที่ยงวันทันกระแส l 30 พ.ค.61


via IFTTT

คนตัวเล็กสะท้อน ปัญหาเศรษฐกิจ l SMEs VOICE l 30 พ.ค. 61


via IFTTT

แฟรนไชส์ ไอดูโฟร์ไอดี l SMEs VOICE l 30 พ.ค. 61


via IFTTT

SME Smart Service | ขายเสื้อออนไลน์ที่บ้านรายได้เดือนละ 2 ล้าน | 28 พ.ค. 61


via IFTTT

Tuesday, May 29, 2018

ประกันภัยที่ “ใช่” สำหรับวัยทำงาน

ชีวิตที่ดูปลอดภัยในวันนี้ พรุ่งนี้อาจไม่ปลอดภัยเช่นที่ผ่านมา โดยเฉพาะวัยทำงานที่ร่างกายยังฟิตแอนด์เฟิร์ม หลายคนจึงอาจละเลยเรื่องการดูแลสุขภาพ ทั้งการทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ทานอาหารไม่ครบหมู่ และอีกหลากหลายพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย เช่น โรคมะเร็ง ไขมันอุดตัน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ไทรอยด์  กระเพาะอักเสบ ไมเกรน กรดไหลย้อน และสิ่งที่ตามมาคือภาระค่าใช้จ่าย สำหรับใช้ในการรักษาอย่างต่อเนื่อง

 

ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต แต่อุบัติเหตุไม่คาดคิดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คนทำงานต้องเผชิญความเสี่ยงภัยได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะขับรถ ลงเรือ ขึ้นรถไฟฟ้าหรือซ้อนท้ายพี่วินมอเตอร์ไซค์ หากประสบอุบัติเหตุแล้วพิการจนไม่สามารถทำงานได้ เงินเก็บออมที่มีจะเพียงพอต่อการใช้รักษาพยาบาลหรือไม่ เพราะชีวิตอยู่บนความเสี่ยง การวางแผนรับมือด้วยการทำประกันภัย เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเหตุการณ์ไม่คาดคิด อีกทั้งช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการดำเนินชีวิตได้อีกด้วย เช่น ประกันภัยสุดคุ้ม ชุดมนุษย์เงินเดือน แบบประกันภัยที่ตอบโจทย์สำหรับคนวัยทำงาน ที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายหากประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยจากโรคมะเร็ง และรับเงินชดเชยรายวันในกรณีรักษาตัวในโรงพยาบาล ให้ความคุ้มครองสูงสุด 1,200,000 บาท ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียงปีละ 2,370 บาท ไม่ปรับเพิ่มตามอายุ

-รับค่าสินไหมทันที เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งครั้งแรก เพียงนำหลักฐานที่ได้จากการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยืนยันการเป็นโรคมะเร็งหลังทำประกันภัยปีแรกไม่น้อยกว่า 90 วัน

-สบายใจด้วยเงินชดเชยรายวัน ขณะพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุ (สูงสุด 200 วันต่ออุบัติเหตุ) และจากโรคมะเร็ง (สูงสุด 200 วันต่อโรค)

-อุ่นใจด้วยความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้น ครอบคลุมอุบัติเหตุจากการขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์

-คุ้มค่ายิ่งขึ้นกับเบี้ยประกันคงที่ตลอดไป ไม่ปรับเพิ่มตามอายุและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

-ทำง่ายๆ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ คุ้มครองทันทีเมื่อได้รับอนุมัติ

-คุ้มครองต่อเนื่องถึงอายุ 65 ปี หากผู้ทำอายุไม่เกิน 60  ปี (ในวันสมัคร) สามารถทำประกันภัยต่อเนื่องถึงอายุ 65 ปี

การทำประกันภัยที่ “ใช่” สำหรับวัยทำงาน เป็นการสร้างความมั่นคง  และลดความเสี่ยงต่อผลกระทบต่อเงินออม หากเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ  โดยไม่จำเป็นต้องถอนเงินก้อนใหญ่ออกมาจ่าย แม้ว่าความเสี่ยงภัยเหล่านี้  เราจะคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ แต่สามารถวางแผนเตรียมพร้อมรับมือได้ เพื่อความอุ่นใจในทุกย่างก้าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
โทร. 0 2285 8888 (จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.00 – 17.00 น.)
www.bangkokinsurance.com

The post ประกันภัยที่ “ใช่” สำหรับวัยทำงาน appeared first on Smart SME.

Monday, May 28, 2018

เปิดลงทะเบียนคนจน รอบพิเศษ

28 พ.ค. 61 นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี( ครม.)เห็นชอบการเปิดลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในช่วงปี 2560 ได้ หลังจากทีมเจ้าหน้าที่ไทยนิยมได้ลงพื้นที่สอบถามประชาชนจากปัญหาไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนรับบัตรสวัสดิการได้ เพราะมีปัญหาส่วนตัว ที่ประชุม ครม.จึงให้เจ้าหน้าที่เตรียมลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มดังกล่าวสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ถึงบ้านภายในเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่ากลุ่มเป้าหมายประมาณ 1 ล้านคน

สำหรับคุณสมบัติยังเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิม ทั้งเรื่องรายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท มีกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อการเกษตรไม่เกิน 10 ไร่ ในส่วนผู้ที่ลงทะเบียนรอบที่ผ่านมาแล้วตรวจสอบไม่ผ่านคุณสมบัติเมื่อปี 2560 นั้น จะไม่มีสิทธิ์ลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ การเปิดลงทะเบียนรอบพิเศษครั้งนี้ เพื่อหวังช่วยเหลือคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง ให้เข้าสู่กระบวนการขอรับบัตรสวัสดิการได้ และจะปรับรูปแบบการใช้บัตรสวัสดิการเพื่อให้ได้รับสิทธิ์อย่างเท่าเทียมกัน กำหนดใช้บัตรสวัสดิการช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้.

อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ และแนวทางการลงทะเบียนไว้ โดยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงทะเบียนเพิ่มเติมจะใช้คุณสมบัติเหมือนการลงทะเบียนในปี 2560 เช่น สัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ในปี 2559 ไม่เกิน 1 แสนบาท ไม่มี หรือมีทรัพย์สินทางการเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1 แสนบาท และไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมาย เป็นต้น

“หลังจากนี้ทีมงานลงพื้นที่ตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. และคาดว่าภายในสิ้นเดือนมิ.ย. จะได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ทั้งนี้ทีมงานจะลงไปในชุมชนเพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้กรอกใบสมัครถึงบ้าน ซึ่งคุณสมบัติต่างๆ ยังคงเหมือนเดิม แต่จะเพิ่มรายละเอียดเข้าไปอีกเรื่องเดียว คือ จะมีคำถามว่าต้องการจะพัฒนาตัวเองหรือไม่” นายณัฐพร กล่าว

นายณัฐพรกล่าวว่าสำหรับผู้ที่ได้เคยลงทะเบียนไว้ในรอบที่แล้วและคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ จะไม่สามารถมาลงทะเบียนเพิ่มเติมในรอบนี้ได้ ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังการตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ อย่างครบถ้วนแล้ว ผู้ลงทะเบียนในรอบใหม่นี้จะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.61 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ไปร่วมกันหามาตรการเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่กลุ่มคนดังกล่าวที่จะได้รับสิทธิในการลงทะเบียนเพิ่มเติมในรอบนี้ด้วย

The post เปิดลงทะเบียนคนจน รอบพิเศษ appeared first on Smart SME.

ขอเชิญพี่น้อง SMEs ร่วมงานวิ่งมินิมาราธอนต่อต้านยาเสพติด l ข่าวค่ำทันโลก l 28 พ.ค.61


via IFTTT

คนไทยกังวล ศก. มากสุดเหตุของกินของใช้แพง l ข่าวค่ำทันโลก l 28 พ.ค.61


via IFTTT

“พีเอฟพี” ตั้งเป้าโตด้วยกลยุทธ์ธุรกิจแบบ 4.0 l ข่าวค่ำทันโลก l 28 พ.ค.61


via IFTTT

“บัซซี่บีส์” ชูโมเดลการตลาดดิจิทัลรับเทรนด์อนาคต l ข่าวค่ำทันโลก l 28 พ.ค.61


via IFTTT

BKI EsCard เชื่อมต่อประกันภัยรถยนต์ทันใจเพียงปลายนิ้วสัมผัส

ในยุคดิจิทัลที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ผู้คนให้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ อย่างเช่นการทำประกันภัยรถยนต์ที่ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาบัตรผู้เอาประกันภัยในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า  BKI EsCard จากกรุงเทพประกันภัย ให้ลูกค้าสามารถจัดเก็บข้อมูลกรมธรรม์ไว้ในโทรศัพท์สมาร์ตโฟน เพื่อความอุ่นใจในทุกที่ทุกเวลา

BKI EsCard ตอบสนอง Digital Lifestyle

BKI EsCard  เป็นบัตรผู้เอาประกันภัยรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่รวบรวมข้อมูลของผู้เอาประกันภัย รายละเอียดความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ รวมถึงข้อมูลเพื่อการติดต่อกับบริษัทฯ ไว้ในโทรศัพท์สมาร์ตโฟน เพียงเพิ่ม BKI EsCard ในแอปพลิเคชัน Wallet  ก็สามารถพกพาและค้นหาข้อมูลประกันภัยรถยนต์ของตัวเองได้อย่างสะดวกทุกที่ทุกเวลา กรณีเกิดอุบัติเหตุ ยังสามารถแจ้งเคลมโดยส่งตำแหน่งจุดเกิดเหตุผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที พร้อมบริการแจ้งเตือนต่ออายุกรมธรรม์ล่วงหน้าอัตโนมัติ รวมทั้งการแจ้งข่าวสารโปรโมชันและสิทธิพิเศษต่างๆมากมาย ให้ลูกค้าสามารถติดต่อกับบริษัทฯ ได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ต้องรอการจัดส่งกรมธรรม์ทางไปรษณีย์ หมดกังวลเรื่องเอกสารหาย และประหยัดพื้นที่การจัดเก็บเอกสารอีกด้วย

 

BKI EsCard เพิ่มความอุ่นใจในทุกเส้นทาง

อีกหนึ่งความพิเศษของ BKI EsCard ที่แตกต่างจากบัตรผู้เอาประกันภัยแบบกระดาษทั่วๆ ไป คือบริการแจ้งเคลมรถยนต์ เมื่อรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเกิดอุบัติเหตุขึ้น เพียงกดเลือกฟังก์ชันการแจ้งเคลม ซึ่งอยู่หน้าหลังของ BKI EsCard สามารถแจ้งเคลมได้ทันที โดยระบบจะส่งข้อมูลกรมธรรม์ของท่านและตำแหน่งจุดเกิดเหตุไปยังศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุของบริษัทฯ และเจ้าหน้าที่รับแจ้งอุบัติเหตุจะโทรติดต่อกลับไปยังผู้เอาประกันภัย หรือผู้ขับขี่รถยนต์คันที่เกิดอุบัติเหตุตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้ เพื่อทวนสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่สำรวจอุบัติเหตุไปยังจุดเกิดเหตุโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน หรือ Roadside Service สามารถติดต่อเพื่อขอรับบริการการช่วยเหลือกรณีรถเสีย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าจึงอุ่นใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีในทุกเส้นทางการขับขี่

BKI EsCard อีกหนึ่งนวัตกรรมที่กรุงเทพประกันภัยมุ่งมั่นพัฒนา เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการบริการประกันภัยรถยนต์ ที่ตอบโจทย์ชีวิตดิจิทัลได้ตรงจุดครบทุกไลฟ์สไตล์

 

กรุงเทพประกันภัย แคร์คุณทุกย่างก้าว
สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2285 8888 (จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.00 – 17.00 น.)

www.bangkokinsurance.com

The post BKI EsCard เชื่อมต่อประกันภัยรถยนต์ทันใจเพียงปลายนิ้วสัมผัส appeared first on Smart SME.

4 วิธี การบริหารสต๊อกสินค้า เพื่อเพิ่มยอดขายและลดสินค้าค้างสต็อก

ในการทำธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่ไม่ได้มีเงินทุนหมุนเวียนหรือเงินสำรองอะไรมากนัก การบริหารสต๊อกสินค้า ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้ผู้ประกอบการขาดทุนมานักต่อนักแล้ว ยิ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหม่จะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่ดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลานาน เพราะยังขาดประสบการณ์ในการคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภค

ยกตัวอย่างในเรื่องของ “สินค้าขาดสต็อก สินค้าล้นสต็อก” ให้เข้าใจง่าย

บริษัทหนึ่ง จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 100 รายการ มีสินค้าที่ขายดีได้รับความนิยมประมาณ 20 รายการ (สินค้าหลัก) ให้ยอดขายสูงถึง 80% จากสินค้าทั้งหมด สินค้ากลุ่มนี้ขายดีมักจะขาดสต็อก ปัญหาต่อมา สินค้าล้นสต๊อก ในส่วนนี้จะอยู่ในกลุ่มสินค้า 80 รายการ ที่เป็นสินค้าไม่ได้รับความนิยม อาจเกิดจากการสำรวจตลาดที่ผิดพลาดหรือเจาะกลุ่มเป้าหมายไม่ตรงจุด ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาและวิธีการป้องกันปัญหานี้ คือ

1.วางแผนล่วงหน้า 1 เดือน เป็นอย่างน้อย

ผู้ประกอบการต้องคาดการณ์แนวโน้มความต้องการของสินค้าหลักเห็นภาพรวมคลังสินค้าว่ามีการเข้า ออกอย่างไร สินค้าชนิดใดขายดีในช่วงไหน หรือกับกลุ่มเป้าหมายไหน ซึ่งการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายก็มีหลายวิธี เช่น การจัดโปรโมชั่นล้างสต๊อกนอกจากจะทราบถึงสินค้ายอดนิยมที่ชัดเจนแล้ว ยังช่วยเพิ่มยอดขายให้สูงมากขึ้นด้วย

2.สำรวจสินค้าในสต๊อกอยู่เสมอ

ลดความเสี่ยงสินค้าขาดหรือล้นสต๊อกไม่ทันตั้งตัว เพราะความเป็นระบบจะช่วยให้รู้ว่าสินค้าแต่ละชนิดมีความเร็วในการขายอย่างไร หมดเร็วแค่ไหน ควรสั่งเพิ่มเมื่อสินค้าเหลือเท่าใด เพราะการขาดสินค้าเมื่อลูกค้าต้องการ ทำให้ลูกค้าไปหาสินค้าจากเจ้าอื่น และอาจทำให้เสียลูกค้าอีกด้วย

3.จัดระบบสินค้าภายในสต๊อก

การจัดระบบภายในสินค้าควรแบ่งหมวดสินค้าให้ชัดเจน เช่น สินค้าที่มีระยะเวลาการเก็บรักษาจำกัด สินค้าหลัก สินค้าค้างสต๊อก เพื่อให้ทราบถึงปริมาณ ลดการสูญเสียสินค้าที่หมดอายุจากการไม่ได้นำมาขาย หรือสามารถจัดโปรโมชั้นเพื่อเพิ่มยอดขาย

4.คำนวณต้นทุน

การคำนวณต้นทุนตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นผลิตถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการทราบถึงราคาต้นทุนของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น และทราบถึงราคาขายตั้งราคาได้อย่างเหมาะสม รู้ว่าควรขายอะไรจึงจะได้กำไรที่คุ้มค่าที่สุด

Business Tips อื่นๆ คลิก

The post 4 วิธี การบริหารสต๊อกสินค้า เพื่อเพิ่มยอดขายและลดสินค้าค้างสต็อก appeared first on Smart SME.

“หุ้นยั่งยืน” ไทยพัฒน์ เปิดรายชื่อ 100 บจ. ติดอันดับ ESG100 ปี 61

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (17 พ.ค.) สถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG Ratingได้ประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2561 เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป

การจัดอันดับหลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 รอบนี้ ถือเป็นปีที่สี่ของการประเมินด้วยการคัดเลือกจาก 683 บริษัทจดทะเบียน (ไม่รวมหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู) ทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวนกว่า 12,648 จุดข้อมูล ตามที่บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยต่อสาธารณะ ผ่านรายงานแห่งความยั่งยืน รายงานประจำปี หรือในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) โดยไม่ใช้แบบสำรวจข้อมูลหรือแบบสอบถามใดๆ เพิ่มเติม

 

การประเมินในปีนี้ ได้มีการพิจารณาข้อมูลทั้งการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน โดยใช้เรตติ้งโมเดลที่พัฒนาขึ้นจากหลักการแนวทางตามมาตรฐานการประเมินความยั่งยืนของ GISR (Global Initiative for Sustainability Ratings) ทำให้หลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 สามารถตอบโจทย์ทั้งผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน

การประเมินหลักทรัพย์ ESG100 ประกอบด้วยเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการคัดกรอง (Screening Criteria) และเกณฑ์หลักสำหรับการประเมิน (Rating Criteria) โดยเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการคัดกรอง ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของบริษัทต้องมีผลประกอบการที่เป็นกำไรติดต่อกันสองรอบปีบัญชีล่าสุด การปลอดจากการกระทำความผิดโดยที่บริษัทหรือคณะกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต้องไม่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษหรือเปรียบเทียบปรับในรอบปีประเมิน และการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ของบริษัทเป็นไปตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด

ส่วนเกณฑ์หลักสำหรับการประเมิน ประกอบด้วย การพิจารณาประเด็นด้าน ESG ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรม การพิจารณาวิธีการที่บริษัทใช้ระบุและจัดการกับโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้าน ESG และการพิจารณาประเด็นด้าน ESG ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการขององค์กร เพื่อให้สะท้อนผลตอบแทนการลงทุนหรือตัวเลขผลประกอบการที่สัมพันธ์กับการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัท และสามารถตอบโจทย์ผู้ลงทุนในมิติของการลงทุนที่ยั่งยืนว่า บริษัทที่มี ESG ดี จะสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีด้วย

ผลการคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนที่เข้าอยู่ในยูนิเวิร์สของ ESG100 ปีนี้ มีบริษัทจดทะเบียนที่ติดอันดับ จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 8 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร 10 บริษัท กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 6 บริษัท กลุ่มธุรกิจการเงิน 12 บริษัท กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม 14 บริษัท กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง 10 บริษัท กลุ่มทรัพยากร 16 บริษัท กลุ่มบริการ 23 บริษัท และกลุ่มเทคโนโลยี 9 บริษัท โดยในจำนวนนี้ มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด mai เข้าอยู่ใน ESG100 อยู่ด้วยจำนวน 10 บริษัท

สำหรับบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมบริการมากสุด คือ 23 บริษัท รองลงมาเป็นกลุ่มทรัพยากร 16 แห่ง กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม 14 แห่ง และมีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด mai เข้าอยู่ใน ESG100 จำนวน 10 บริษัท ได้แก่ D, ITEL, JUBILE, MOONG, PPS, SPA, SWC, TACC, TPCH, WINNER

ทั้งนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) รวมกันของหลักทรัพย์ ESG100 มีมูลค่าราว 12.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 69.4 เมื่อเทียบกับมาร์เกตแคปรวมของตลาด (SET+mai) ที่ 17.9 ล้านล้านบาท

ในปี 2561 นี้ บริษัท อีเอสจี เรตติ้ง จำกัด จะเริ่มให้บริการข้อมูลการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ที่เรียกว่า ESG Report ของบริษัทจดทะเบียนที่มีการเปิดเผยข้อมูลผ่านรายงานแห่งความยั่งยืน รายงานประจำปี หรือในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) ด้วยการวิเคราะห์ ESG Factors ใน 3 มิติ (ได้แก่ Topic-specific, Industry-specific, Company-specific) ที่ให้ภาพครบถ้วนสมบูรณ์กว่าการวิเคราะห์ในแบบทั่วไป (Generic ESG Factors) ซึ่งมิได้สะท้อนปัจจัยในระดับอุตสาหกรรมและปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อตัวกิจการ (ผลประกอบการของแต่ละกิจการจะขึ้นกับ ESG Factors ที่แตกต่างกัน)

นอกจากนี้ บริษัท อีเอสจี เรตติ้ง จำกัด จะมีการเผยแพร่ ESG Index เพื่อใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับเป็นทางเลือกของการลงทุนที่ยั่งยืนในตลาดทุนไทย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงกลางปีนี้ โดยในต่างประเทศ มีดัชนีประเภทดังกล่าวใช้อ้างอิงอยู่อย่างแพร่หลาย อาทิ S&P Global 1200 ESG Factor Weighted Index, FTSE ESG Indexes, MSCI ESG Leaders Indexes, Russell 1000 ESG Index เป็นต้น

 

ผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลหลักทรัพย์จดทะเบียนในกลุ่ม ESG100 สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.esgrating.com

The post “หุ้นยั่งยืน” ไทยพัฒน์ เปิดรายชื่อ 100 บจ. ติดอันดับ ESG100 ปี 61 appeared first on Smart SME.

สสว.ช่วยเอสเอ็มอีคนตัวเล็ก ไปถึงฝั่ง l SMEs VOICE l 28 พ.ค. 61


via IFTTT

กรมชลประทาน หน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่น ประจำปี 2561

กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตระหนักอยู่เสมอว่า ทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยที่มีค่ายิ่งขององค์กร
โดยองค์กรใดก็ตามที่มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพสูงและสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ องค์กรนั้นก็จะเจริญก้าวหน้าและมีความมั่นคง

หนึ่งประโยคสำคัญที่ นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวภายหลังเป็นตัวแทนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ขึ้นรับมอบโล่เกียรติยศหน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่นประจำปี 2561 เนื่องในงานวันมูลนิธิพันเอกจินดา ณ สงขลา

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย นายมนัส กำเนิดมณีผู้อำนวยการกองพัสดุ รักษาราชการแทน
ผู้อำนวยการสำนักบริหารทรัพยากรบุคคลนายธนา สุวัฑฒน ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา และข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมชลประทานที่เกี่ยวข้อง

เข้าร่วมพิธีรับมอบโล่เกียรติยศหน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่น ประจำปี 2561 เนื่องในงานวันมูลนิธิพันเอกจินดา ณ สงขลา โดยมีนายประวีณ ณ นคร เป็นประธานในพิธี ณ ห้องประชุมจินดา ณ สงขลา อาคาร 3 สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 หน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่น ประจำปี 2561

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดี กรมชลประทาน เปิดเผยว่า

กรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับการพิจารณาให้เป็นหน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่น ประจำปี 2561 จากมูลนิธิพันเอก จินดา ณ สงขลา ที่ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนจัดให้มีการคัดเลือกหน่วยงานและนักบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่นขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งพิจารณาจากผลการสำรวจความคิดเห็นและความพึงพอใจของข้าราชการที่มีต่อการทำงานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ประกอบกับการพิจารณาข้อมูลการดำเนินงานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และ การพัฒนานวัตกรรมที่โดดเด่น ตลอดจนประโยชน์และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับองค์กรในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กรมชลประทานเป็นหน่วยงานที่มีนวัตกรรมเพื่อรองรับการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิ ภาพอยู่ตลอด รวมถึงบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกรมชลประทานจะมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ชลประทานรุ่นพี่ที่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ชลประทานรุ่นใหม่ เพื่อให้สามารถสื่อสารงานได้อย่างมีศักยภาพปฏิบัติตามกฎและระเบียบต่างๆ
ได้อย่างเคร่งครัด มุ่งสร้างองค์กรอัจฉริยะ

ในช่วงปีที่ผ่านมา กรมชลประทานได้มีการเปลี่ยนแปลงงานด้านทรัพยากรบุคคลไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มตัว เริ่มจากการพัฒนาฐานข้อมูลบุคลากรสู่ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (WAM – Web application to support manning analysis) มาใช้เป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลประมวลผลอัตรากำลัง

โดย วิเคราะห์จากกิจกรรม ข้อมูลปริมาณงาน และ ระยะเวลามาตรฐานในการปฏิบัติงาน จำแนกตามหน่วยงานและประเภทบุคคลทำให้สามารถวิเคราะห์อัตรากำลังของข้าราชการ และ พนักงานราชการได้ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งสามารถใช้ระบบหรือโปรแกรมดังกล่าวในการปรับปรุงข้อมูล และ วิเคราะห์อัตรากำลังให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำระบบบริหารโครงการฝึกอบรมรูปแบบ Online (E-Training)

ที่ส่งผลให้กรมชลประทานมีระบบและฐานข้อมูลการพัฒนาที่สามารถพัฒนาศักยภาพบุคลากร ตอบสนองความต้องการในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้อย่างทั่วถึงทั้งองค์กร รวมถึงพัฒนาระบบ EPP+ (Employee Performance Portfolio) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารผลการปฏิบัติราชการภายในกรม ซึ่งจะครอบคลุมกระบวนการบริหารผลการปฏิบัติราชการทั้งหมด

เริ่มตั้งแต่กระบวนการวางแผนการกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย ผลการปฏิบัติงานและสมรรถนะ การติดตามผลการปฏิบัติงาน การวางแผนพัฒนารายบุคคล การประเมินผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัด และ การนำผลการประเมินไปใช้เลื่อนเงินเดือน

นอกจากนี้กรมชลประทานยังได้มีการวิเคราะห์ความต้องการในการพัฒนาบุคลากร (Training Need Analysis) เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากรทั้งในระยะยาวและประจำปี ซึ่งมีทั้งแนวทางที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ

“ความสามัคคี ร่วมมือ ร่วมใจของบุคลากรในหน่วยงาน จะส่งผลให้สามารถกำหนดทิศทางหรือแนวทางการดำเนินงานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลสอดคล้องกับบริบท นำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศซึ่งกรมชลประทาน ได้กำหนดวิสัยทัศน์ ที่จะเป็นองค์กรอัจอัจฉริยะที่มุ่งสร้างความมั่นคงด้านน้ำ (Water Security) ให้ได้ภายในปี 2579”

อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว เสียงที่สะท้อนจากภาคประชาชน

เสียงสะท้อนจากการทำงานของกรมชลประทานที่มีกลับมาทั้งในมุมบวกและมุมลบนับเป็นนิมิตหมายที่จะส่งผลถึงการปรับตัวของกรมชลประทานสิ่งที่ดีอยู่ แล้ว ก็จะปฏิบัติให้ดียิ่งขึ้นส่วนสิ่งที่สะท้อนกลับมาในมุมลบการปฏิบัติก็ต้องนำจุดบกพร่องมาแก้ไขให้เป็นบวกท่ามกลางภาวะของการเกิดน้ำท่วม และ น้ำแล้ง ซึ่งต้องเผชิญอยู่บ่อยครั้งกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติ ทางธรรมชาติ หากคนไทยยังมีความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ ที่ประเทศเป็นประเทศที่มีระบบ และ พื้นที่ชลประทานติด 1 ใน 10 ของโลก

โดย มีกรมชลประทานซึ่งมีภารกิจหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2545 ที่มีการสถาปนากรมคลองขึ้น ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นกรมทดน้ำและกรมชลประทาน ภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปัจจุบันได้สร้างสรรค์ประโยชน์ในกิจกรรมดังกล่าว ให้แก่แผ่นดินไทยจนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลาถึง 116 ปี

บุคคลชลประทาน อื่น>>> [คลิก]
ข้อมูลต่างๆของ กรมชลประทาน >>> [คลิก]

The post กรมชลประทาน หน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่น ประจำปี 2561 appeared first on Smart SME.

Promote Secrets of Victory SS5 บริษัท โรแยล พลัส จำกัด


via IFTTT

เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ด้วย ทุ่นดักผักตบชวา

กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดตัว ทุ่นดักผักตบชวา (Log Boom) ผลิตโดย สำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน ดำเนินการติดตั้งในคลองชลประทาน กำจัดพื้นที่แพร่ขยายพันธุ์ เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า

“สำหรับผักตบชวาเป็นปัญหาใหญ่ในการระบายน้ำและการสัญจรทางน้ำ เนื่องจากเป็นวัชพืชที่สามารถอยู่ได้ทุกสภาพน้ำเติบโตและไหลไปตามกระแสน้ำ ส่งผลให้เกิดการแพร่ขยายในแหล่งน้ำต่างๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องอาศัยวิธีการกำจัดอย่างต่อเนื่อง สำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน จึงได้ประดิษฐ์ทุ่นดักผักตบชวาหรือ Log Boom มีลักษณะเป็นทุ่นลอยทำหน้าที่ดักสกัดไม่ให้ผักตบชวาไหลไปกีดขวางทางน้ำและจำกัดขอบเขตไม่ให้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้สามารถเก็บได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงน้ำขึ้น – ลง เพื่อไม่ให้ผักตบชวาไหลลงสู่แม่น้ำ”

โดยผลงาน ทุ่นดักผักตบชวา ดังกล่าว มีการออกแบบให้สามารถต้านทานแรงปะทะของกระแสน้ำในลำคลองได้เป็นอย่างดี สามารถต่อเพิ่มความยาวได้ตามต้องการ ประกอบและติดตั้งง่าย ขนย้ายสะดวก มีราคาถูก และทนทานต่อแสง UV ใช้งานง่าย ราคาถูก ตอบโจทย์การใช้งบประมาณของภาครัฐได้เริ่มทดลองติดตั้งใช้งานในคลองบางตลาด ในพื้นที่โครงการชลประทานนนทบุรี สำนักงานชลประทานที่ 11

สำหรับคุณสมบัติที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งของ ทุ่นดักผักตบชวา คือ สามารถนำไปติดตั้งในคลองส่งน้ำชลประทาน โดยเรือพายสามารถพายผ่านข้ามทุ่นได้อย่างปลอดภัย หากติดตั้งด้านหน้าอาคารชลประทานภายหลังการกำจัดวัชพืชทางน้ำ หรือติดตั้งเป็นช่วงๆ จะทำให้ด้านหน้าอาคารชลประทานและในคลองส่งน้ำ มีความสะอาด สวยงาม และไม่เป็นอุปสรรคในการส่งน้ำเพื่อการชลประทาน ซึ่งตอบโจทย์การใช้งบประมาณกำจัดผักตบชวา ด้วยขนาดพื้นที่ผิวน้ำที่ปราศจากวัชพืชน้ำที่เป็นอุปสรรคต่อการชลประทาน

อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวทิ้งท้ายว่า

“แม้การกำจัดผักตบชวาให้หมดสิ้นไปจะเป็นเรื่องยากแต่หากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนร่วมมือกันช่วยกันเก็บและกำจัดผักตบชวาอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ ระบายน้ำ ฟื้นฟูทัศนียภาพของแม่น้ำ ลำคลองได้โดยตรง และช่วยรัฐประหยัดงบประมาณ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาและกำจัดผักตบชวาให้หมดไปอย่างถาวรแน่นอน”

บุคคลชลประทาน อื่น>>> [คลิก]
ข้อมูลต่างๆของ กรมชลประทาน >>> [คลิก]

The post เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ด้วย ทุ่นดักผักตบชวา appeared first on Smart SME.

Sunday, May 27, 2018

ผู้ประกอบการไม่พึ่งแบงค์ เข้าหาโรงรับจำนำแหล่งเงินทุนแห่งใหม่

นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทตั้งธนสิน จำกัด ผู้ให้บริการโรงรับจำนำ อีซี่ มันนี่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการใช้โรงรับจำนำเป็นแหล่งทุนมากขึ้น โดยเฉพาะเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว เช่น ที่พัทยา จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ ธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งมีแผนขยายห้องพักรองรับพนักงานเพิ่ม รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีบางรายมีไอเดียดี แต่ไม่มีประวัติกับธนาคารก็ได้เข้ามาใช้บริการโรงรับจำนำ เพื่อนำเงินไปต่อยอดธุรกิจ ตลอดจนคนกลางรับซื้อผลไม้ ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการทำค้าขาย หรือชาวสวนที่จ.จันทบุรี จ.ระยองต้องการเงินซื้อปุ๋ยและยาฆ่าแมลงก็นำทรัพย์มาฝากไว้กับบริษัทเช่นกัน โดยทรัพย์ที่รับจำนำมากสุดคือ ทองคำ รองลงมาคือเพชร และนาฬิกา

นอกจากนี้ทรัพย์สินค้าแบรนดเนมเพิ่มขึ้นจากเดิม 80-100% ขึ้นกับสาขา ส่วนใหญ่เป็นกระเป๋าที่นำมาจำนำ อาจเกิดจากสั่งสินค้ามาขายแล้วขายไม่ได้เลยต้องเอาของมาจำนำเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนก่อน เพราะสินค้าบางแบรนด์ยังไม่ได้แกะออกจากห่อเลย รองลงมาเป็นนาฬิกายี่ห้อ กุชชี่ หลุยส์วิตตอง โรเล็กซ์ แอร์เมส ปาเต๊ก รวมถึงเพชร เพิ่มขึ้น 30% ขณะเดียวกันก็มีสินค้าแปลก ๆ เช่น โถข้าวแอร์เมส กระจกชาร์แนล และเนคไทแอร์เอสนำมาจำนำ เนื่องจากพ่อค้า แม่ค้าที่ขายสินค้าออนไลน์ไม่มีเงินทุนหมุนเวียนก็เอาทรัพย์สินมาจำนำก่อน หลังจากที่ขายสินค้าได้แล้วก็กลับมาไถ่ถอน ส่วนทรัพย์เบ็ดเตล็ดจะมีโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค และเครื่องมือช่าง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทรัพย์หลุดจำนำมีสัดส่วนประมาณ 4% ไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว

นอกจากนี้มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 2-4 สาขา แต่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่ามีพื้นที่ใดที่เหมาะสม จากปัจจุบันมีโรงรับจำนำ 38 สาขาใน 21 จังหวัด และมีอีซี่ช้อป ที่การันตีของแท้มือ จำนวน 1 สาขา ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จ.นครราชสีมา

” ลูกค้าสามารถนำทรัพย์มาฝากที่บริษัทก่อนได้ และเมื่อลงทุนแล้วและได้ผลตอบแทนกลับคืนสามารถรับทรัพย์คืนกลับไปเหมือนเดิม ส่วนทรัพย์หลุดจำนำจะนำออกมาวางขาย เช่น ทองคำจะไม่คิดค่ากำเหน็จ ส่วนเครื่องประดับเพชรถ้าเทียบกับคู่แข่งเราขายถูกว่า 40% และมีใบรับประกันตลอดการใช้งานและลูกค้านิยมเยอะมาก”

สำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์เป็นของแท้ราคาเหมาะสมสามารถซื้อทรัพย์หลุดจากอีซี่มันนี่ได้ที่อีซี่มันนี่ช้อป หรือดูช่องทางออนไลน์ทั้ง www.easymoney.co.th หรือเฟซบุ๊คอีซี่มันนี่ไทยแลนด์ ส่วนลูกค้าที่มีทรัพย์ไม่ได้ใช้แล้วสามารถฝากขายได้ แม้ไม่ทราบข้อมูลตลาดว่าราคาเท่าไหร่บริษัทมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำกับลูกค้าสำหรับสินค้าทุกประเภท เพื่อส่งต่อของที่เรารักให้คนอื่นดูแลต่อไป

The post ผู้ประกอบการไม่พึ่งแบงค์ เข้าหาโรงรับจำนำแหล่งเงินทุนแห่งใหม่ appeared first on Smart SME.

Friday, May 25, 2018

3 ภาพยนตร์งานดี ปลุกแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นสู้!!

แรงบันดาล ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิต ที่คอยขับเคลื่อนชีวิตให้ดำเนินต่อไป และแน่นอนว่ามันสามารถขับเคลื่อนให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายได้เช่นกันแต่ละคนอาจมีวิธีการสร้างแรงบันดาลที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะหยิบหนังสือดีๆ สักเล่มขึ้นมาอ่าน ฟังเพลงแนวให้กำลังใจสักเพลง แต่วันนี้ SmartSme ขอนำเสนอ ภาพยนตร์ ดีๆ 3 เรื่อง ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณได้แน่นอน

1.Jerry maguire

เจอร์รี่ แมไกวร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายเมื่อ ค.ศ.1996 เรื่องราวพูดถึงตัวเอกเรื่องเจอร์รี่ แมไกวร์ (รับบทโดย ทอม ครูซ) ซึ่งเป็นตัวแทนนักกีฬาชื่อดังหลายคนประจำบริษัทเอเจนซี่หนึ่ง เขามีหน้าที่การงานใหญ่โต และอนาคตรุ่งเรือง มีเงินมากมาย ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวสำหรับเขา

จนคืนหนึ่งเขานอนหลับ และฝันว่าอาจารย์ที่เคยสอนตอนมหาวิทยาลัยมาเข้าฝัน และบอกให้เขาทำสิ่งถูกต้องมากกว่าจะทำเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว เขาสะดุ้งตื่นขึ้น แล้วรีบเขียนหนังสือตลอดทั้งคืนเกี่ยวกับ ข้อความพันธกิจ (Mission Statement) โดยเสนอให้บริษัทลดจำนวนนักกีฬาที่ดูแลเพื่อเน้นความใกล้ชิดระหว่างนักกีฬาผู้เป็นลูกค้ากับตัวแทนนั่นก็คือบริษัท

เขาทำสำเนาแจกทุกคนในบริษัท และทุกคนก็ชื่นชมแนวความคิดของเขา แต่เขากลับถูกไล่ออกทันที เขาจึงออกมาตั้งธุรกิจเองโดยมีนักกีฬาเพียงคนเดียว เขาก็เริ่มดำเนินกิจการการตามอุดมการณ์ที่ได้วางไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีมุมมอง และแรงบันดาลใจมากมายเรื่องการดำเนินธุรกิจ การไม่ควรเห็นคุณค่าของเงินมากกว่าอุดมการณ์ในการดูแลนักกีฬา สอนให้รู้จักการใช้หัวใจในการทำงาน นึกถึงใจเขาใจเรา ความสำเร็จไม่ได้เป็นคำตอบของชีวิตเสมอไป และการพร้อมเริ่มต้นใหม่เสมอ

 

2.The Pursuit of Happyness

เรื่องจริงที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดยวิล สมิธ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคริส การ์ดเนอร์ผู้ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเพียงลำพัง หลังภรรยาได้ทิ้งกับกับลูกชายวัย 5 ขวบไป ปล่อยให้เผชิญสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่กันเพียงสองคนพ่อลูกเท่านั้น

เขากัดฟันทำทุกอย่างเพื่อสู้กับความยากจน หลายครั้งต้องพาลูกไปนอนตามที่ต่างๆ เหมือนพวกคนเร่ร่อน ในกระเป๋าสตางค์มีเงินติดเหลืออยู่แค่ 1 ดอลลาร์ แต่เขามีความขยันอดทนและฉลาด เขาเพียรทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงลูกชาย เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

วันหนึ่งเขาเกิดไอเดียว่า ควรทำงานด้านการเงิน จึงพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เป็นโบรกเกอร์ในบริษัทแห่งหนึ่ง และต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างจนกระทั่งกลายมาเป็นสุดยอดนักขายระดับตำนานของอเมริกา  ซึ่งจากเนื้อเรื่อง เราจะได้เห็นความอดทน และความพยายามอย่างหนักเพื่อการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เขาไม่เคยท้อ แม้บางครั้งต้องแอบเข้าไปนอนในห้องน้ำสาธารณะก็ตาม และเมื่อโอกาสมาถึงเขาก็รีบฉวยเอาไว้ พยายามเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราสามารถนำมาปรับใช้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

3.The Hudsucker Proxy

ภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ที่ให้ข้อคิดดีๆ ออกฉายเมื่อปี ค.ศ.1994 นำแสดงโดยทิม ร็อบบินส์ เป็นเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่บุคลิกภายนอกดูเฉิ่มๆ และไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไรนัก วันหนึ่งเขาจับผลัดจับผลูได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทคนใหม่แทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป เขาต้องพาบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ฝ่าพ้นวิกฤตไปให้ได้ ท่ามกลางการดูถูกของคนรอบข้างที่พร้อมจะแทงข้างหลังตลอดเวลา

แต่สิ่งหนึ่งที่เขายึดมั่นมาไม่เคยเสื่อมคลายนั่นก็คือไอเดียผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งที่หลายคนดูถูกและไม่เข้าใจในสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นรูปวาดกลมๆ ในกระดาษพร้อมความอธิบายสั้นๆ ว่าใช้เพื่อความสนุก แม้หลายคนจะต่อต้าน แต่เขาก็ยังคงยืนยันให้ดำเนินการผลิตต่อไป เมื่อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกขายช่วงแรกก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เขาถูกโจมตีมากกว่าเดิมจนเกือบถูกปลดจากตำแหน่งประธานบริษัท แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ เริ่มทำค้นหาว่าเพราะเหตุใดผลิตภัณฑ์ที่เขามั่นใจว่าดีกลับยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที

จนกระทั้งรู้ว่าเพราะผู้คนยังไม่เข้าใจวิธีการเล่น เขาจึงแก้ไขด้วยการโฆษณา และสาธิตวิธีเล่น จนในที่สุดผลิตภัณฑ์ของเขาก็ได้รับการยอมรับและกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และสิ่งนั้นก็คือ “ฮูล่าฮูป” ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้แรงบันดาลใจเรื่องการกล้าคิด แม้สิ่งนั้นจะแตกต่างจากความคิดผู้คนทั่วไปก็ตาม และความยึดมั่นในความคิดของเรา พร้อมทั้งการยอมรับและพร้อมปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

 

ที่มา :incquity.com

The post 3 ภาพยนตร์งานดี ปลุกแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นสู้!! appeared first on Smart SME.

รวมพล หน่วยงานรัฐ หนุนคนตัวเล็ก l SMEs VOICE l 25 พ.ค. 61


via IFTTT

Secrets of Victory SS5 | บริษัท วีอาร์พี ฟู้ดแอนด์ เบเกอรี่ จำกัด | 24 พ.ค. 61 | Full HD


via IFTTT

นครชัยแอร์ เตรียมลดเที่ยววิ่ง 30% หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นสูง

ขนส่งรายใหญ่ นครชัยแอร์ เตรียมลดเที่ยววิ่ง 30% หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นสูง หลังจากที่ เจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสารแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสารอีก 10 สตางค์ต่อกิโลเมตร

เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งต้องแบกรับต้นทุนต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ โดยอ้างเหตุผลว่าอยู่ในระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารใหม่หมดภายในระยะเวลา 2 เดือน

ด้าน นครชัยแอร์ นายชัยวัฒน์ วงศ์เบญจรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นครชัย 21 จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นครชัยทัวร์ จำกัด ผู้ประกอบการรถโดยสารรายใหญ่ของภาคอีสาน กล่าวว่า หากยังไม่มีการปรับราคาค่าโดยสารให้สมเหตุสมผล ผู้ประกอบการขนส่งอีกหลายรายต้องขอลดเที่ยววิ่งรถแทนเพื่อลดภาระต้นทุนโดยทางบริษัทนครชัยฯ ก็ได้ทำหนังสือยื่นต่อกรมการขนส่งทางบกเพื่อขอลดเที่ยววิ่งลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์แล้ว

บริษัท นครชัย 21 จำกัดปัจจุบันมีรถโดยสารวิ่งให้บริการอยู่จำนวน 130 คัน โดยมีทั้งที่วิ่งระหว่างจังหวัดในภาคอีสาน และวิ่งระหว่างกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา โดยรถโดยสารส่วนใหญ่เติมน้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงรวมแล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 500,000 ลิตร

ซึ่งราคาค่าโดยสารเก็บตามโครงสร้างราคาน้ำมันตั้งแต่ 15 ก.พ 2559 น้ำมันดีเซลลิตรละ 19.69 บาท จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 2 ปี ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตละ 30 บาท แต่ทางผู้ประกอบการยังไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสารแม้แต่ครั้งเดียว

ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลได้มีการเรียกร้องให้ผู้ประกอบการขนส่งพัฒนาขึ้นภาพการบริการที่ดีขึ้นมาโดยตลอดเช่นกัน ซึ่งทางผู้ประกอบการเองก็ให้การว่าผู้ประกอบการก็มีกำไรน้อย หรือบางรายปราบปัญหาขาดทุนจึงไม่มีเงินเพื่อนำไปพัฒนา ฉะนั้นการปรับขึ้นค่าโดยสาร รวมไปถึงการปรับลดภาษีการนำเข้าลดโดยสารเพื่อให้ผู้ประกอบการมีกำลังซื้อรถใหม่เพื่อให้บริการกับประชาชน

ข่าวอื่นๆ คลิก

The post นครชัยแอร์ เตรียมลดเที่ยววิ่ง 30% หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นสูง appeared first on Smart SME.

Thursday, May 24, 2018

กิมซุน หมูปิ้งประเทศไทย สร้างรายได้ 100 ล้านบาทต่อปี | SME Take Off | 19 พ.ค. 61 | EP.10


via IFTTT

“สหพัฒน์” ลั่นจะไม่ฉวยโอกาส ขอขึ้นราคาเป็นคนสุดท้าย

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า  สถานการณ์ราคาน้ำมัน คงเป็นการขยับตัวในระยะสั้นๆ ที่มีขึ้นมีลง ซึ่งจะเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งภาวะไม่น่ากังวล แต่มองว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไปกว่านี้ เพราะจะไปกระทบกับการส่งออกที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจมากกว่า

อย่างไรก็ตาม เรื่องของราคาสินค้าทางสหพัฒน์ ยืนยันว่าจะไม่ขึ้นราคาเพราะการขึ้นราคาไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด ทางสหพัฒน์เองเลือกที่จะยังไม่ขอขึ้นราคา และจะขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ เมื่อเกิดผลกระทบกับต้นทุนมาก แต่ยังไม่ใช่เวลานี้และจะขอเป็นรายสุดท้ายที่จะขึ้นราคา โดยให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ว่าอย่างน้อย 6 เดือน จะยังไม่มีการขึ้นราคาจะขอตรึงราคาเดิมไว้ก่อน

นอกจากนี้ ยังเตรียมผลิตสินค้าราคาประหยัดเพื่อร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ลงไปจำหน่ายในร้านธงฟ้าประชารัฐภายใต้แบรนด์ “ซื่อสัตย์ประชารัฐ” ซึ่งจะเป็นสินค้าราคาประหยัดที่ลงไปในพื้นที่ต่างๆ อาทิ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน และอื่นๆ

ส่วนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในขณะนี้ของรัฐบาล ทั้งเรื่องประชารัฐ และเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วเห็นด้วย และเชื่อว่ามาถูกทางแล้ว “โครงการประชารัฐ” ในอนาคตคำนี้จะฝังอยู่ในความจำของคนไทย ส่วนนโยบายรัฐสวัวดิการ เชื่อว่าคนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่นายทุน แต่เป็นประชาชนอย่างแท้จริง

ส่วนแนวทางเศรษฐกิจที่ดำเนินการจับเคลื่อน โดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นั้น คิดว่าดีแล้วและส่วนตัวเห็นด้วยและพร้อมสนับสนุน แต่อยากให้เพิ่มเติมในส่วนของค่าเงินบาท เพราะเชื่อง่าถ้าค่าเงินบาทไม่แข็งค่าเกินไปทุกอย่างจะดีขึ้นกว่านี้อีกมาก

The post “สหพัฒน์” ลั่นจะไม่ฉวยโอกาส ขอขึ้นราคาเป็นคนสุดท้าย appeared first on Smart SME.

ปรับระบบ สอบเข้ามหาวิทยาลัย แบบนี้ลดหรือเพิ่มความเหลื่อมล้ำ

นักเรียนโอดระบบ สอบเข้ามหาวิทยาลัย ไทย ต้องการอะไรกันแน่ ลดความเหลื่อมล้ำหรือเพิ่มความเหลื่อมล้ำ ??

จากกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้ปรับระบบสอบการเข้ามหาวิทยาลัยของนักเรียนไทยใหม่เพื่อที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ  แต่กลับตรงกันข้าม เพราะ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่านักเรียนในประเทศ  ถึงการสร้างความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อตัวนักเรียนแต่ยังส่งผลต่อผู้ปกครองอีกด้วย

โดยระบบการรับเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ของปี 2561 จะเปิดให้รับสมัครด้วยกัน 5 รอบ และ แต่ละรอบล้วนมีค่าใช้จ่ายที่สูงสำหรับตัวนักเรียน และ รอบที่สามที่เรียกว่า รอบรับตรง ที่มีค่าสมัครอยู่ที่รายวิชาละ 200 บาท ถ้าหากลง 4 ลำดับก็จะต้องเสียเงินถึง 900 บาทและ ยังไม่รวมถึงค่าสอบเพื่อนำคะแนนมายื่นมหาวิทยาลัย ที่การสอบ TOEIC,IELTS หรือ TOELF ก็สามารถนำมาช่วยยื่นได้ทำให้ยิ่งจ่ายเงินสมัครเยอะและจ่ายค่าสอบเยอะ ย่อมทำให้เด็กเหล่านั้นมีโอกาสมากกว่าเด็กที่ไม่สามารถจ่ายเงินได้

เมื่อค่าใช้จ่ายในการสมัครระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยไทยมีค่าใช้จ่ายที่สูง สวนทางกลับระบบใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทำให้การความเหลื่อมล้ำระหว่างเด็กนักเรียนมากขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ระบบการรับเข้าศึกษานี้เป็นระบบใหม่ในชื่อว่า TCAS61 ยังเป็นระบบที่ยังคงต้องพัฒนาอีกมาก เนื่องด้วยปัญหาในการเข้าเว็บไซต์สมัครและการอัปโหลดเอกสาร ทั้งๆที่สามารถดึงข้อมูลมาได้กลับสร้างความยุ่งยากให้กับตัวนักเรียนและยังมีความล่าช้าของระบบที่ขัดข้องอีก อย่างไรก็ตามก็ควรให้โอกาสระบบการคัดคนเข้ามหาวิทยาลัยนี้ได้ลองผิดลองถูกเพื่อที่จะปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไปให้ได้ในอนาคต

ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในการสอบ ยิ่งจ่ายสูงยิ่งมีโอกาสมากขึ้นนั้นเป็นความจริง แต่การตัดสินใจสิ้นสุดล้วนอยู่ที่ตัวนักเรียน ที่สามารถเลือกได้ พวกเขาสามารถเลือกสิ่งที่พวกเขามั่นใจและต้องการที่สุดได้เพื่อลดค่าใช้จ่ายลงมาให้มากถึงที่สุด ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินสมัครสอบทุกอย่าง หรือเสียเงินลงสมัครมันทุกรอบการสอบก็สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายลงไปได้ หากตัวผู้เรียนนั้นมีความมั่นใจและตัดสินใจที่เด็ดขาด

การลดความเหลื่อมล้ำเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ให้ความผิดพลาดของระบบปีนี้เป็นบทเรียน และ หวังว่าในอนาคตจะได้เห็นการพัฒนาระบบการรับเข้ามหาวิทยาลัยที่มีประสิทธิภาพ และ ลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างแท้จริงมากขึ้น

อ่านข่าวอื่น >>> [คลิก]

The post ปรับระบบ สอบเข้ามหาวิทยาลัย แบบนี้ลดหรือเพิ่มความเหลื่อมล้ำ appeared first on Smart SME.

นายกฯ ชี้เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้โตขึ้นกว่า 4 ปีที่ผ่านมา

นายกฯ ชี้เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้โตขึ้นกว่า 4 ปีที่ผ่านมา พร้อมต่อยอดโครงการยกเศรษฐกิจระดับล่างเพิ่มตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.61 ณ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงสถานการณ์เศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 61 ขยายตัวถึง 4.8 เปอร์เซ็นต์ สูงที่สุดกว่า 4 ปี ที่ผ่านมา

ซึ่งตลอด 4 ปี ที่ผ่านมามีการพัฒนาตามลำดับในเศรษฐกิจที่เป็นมหภาค ในส่วนเศรษฐกิจระดับล่างจะมีการเติมเต็มด้วยโครงการไทยนิยมยั่งยืนเพื่อให้มีการกระจายรายได้ สร้างงานอาชีพ ปรับเปลี่ยน เพิ่มคุณภาพเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งให้ประชาชนในพื้นที่

โดยภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน เหล่านี้ต้องลงพื้นที่สำรวจความต้องการของชาวบ้าน ที่ผ่านมามีการดำเนินการไปแล้ว 3 ครั้ง ขณะนี้เป็นช่วงการลงพื้นที่ครั้งที่ 4 ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้าย และเป็นช่วงการพิจารณาอนุมัติโครงการที่แต่ละหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศเสนอ เพื่อเพิ่มเติมต่อยอดจาก 4.8 เปอร์เซ็นต์ให้สูงขึ้น

จึงอยากถามประชาชนว่ามีความคิดเห็นอย่างไรตลอด 4 ปีที่ผ่านมากับสภาพเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ว่ามีความเป็นอยู่อย่างไรมีอะไรดีขึ้นหรือแย่ลงหรือไม่

ข่าวอื่นๆ คลิก

The post นายกฯ ชี้เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้โตขึ้นกว่า 4 ปีที่ผ่านมา appeared first on Smart SME.

ก๊าซถังแพงขึ้น...ใครเดือดร้อน? l SMEs VOICE l 24 พ.ค. 61


via IFTTT

คลังยันไม่คิดลดภาษีน้ำมันให้ถูกลง หวั่นกระทบการเก็บรายได้ของรัฐบาล

นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยว่า รัฐบาลได้ติดตามราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นว่าจะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคและเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันต้องไปตามกลไกตลาด กระทรวงการคลังยังไม่มีแนวคิดลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อให้ราคาถูกลง เพราะจะกระทบกับการเก็บรายได้ของรัฐบาล โดยปัจจุบันมีการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ 5.85 บาท

สำหรับการบรรเทาความช่วยเหลือเป็นเรื่องของกระทรวงพลังงานที่จะใช้มาตรการตามความเหมาะสม

คลังยังไม่เห็นด้วยกับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมบางราย ที่จะขอขึ้นราคาสินค้าและบริการ เนื่องจากราคาน้ำมันเพิ่งเพิ่มขึ้น หากให้ปรับขึ้นได้เมื่อราคาน้ำมันลดก็ต้องปรับราคาลดลงเช่นกัน

ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ยังไม่กระทบกับการขยายตัวเศรษฐกิจและคาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ 4.2%

The post คลังยันไม่คิดลดภาษีน้ำมันให้ถูกลง หวั่นกระทบการเก็บรายได้ของรัฐบาล appeared first on Smart SME.

Wednesday, May 23, 2018

ผ่าโครงสร้างราคาน้ำมัน ใครได้ประโยชน์มากสุด ?

น้ำมันขึ้นราคา ใครได้ประโยชน์ ผ่าโครงสร้างราคาน้ำมัน ดูโครงสร้างธุรกิจน้ำมันในประเทศ มองทิศทางมาตรการรับมือตรึงราคาน้ำมัน และ เครื่องมืออื่นที่จะรับมือราคาน้ำมันขาขึ้น

ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นใกล้ชน 30 บาทต่อลิตร หรือในบางผลิตภัณฑ์ทะลุง 30 บาทต่อลิตร ได้ส่งผลกระทบในทางจิตวิทยาของผู้คนในประเทศไทยกันอย่างมาก  ทำให้มีกระแสออกมาโจมตีบริษัทน้ำมัน  และรัฐบาลที่ไม่สามารถดูแลราคาได้ ด้วยหวั่นว่าจะส่งผลกระทบต่อไปยังสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ให้ปรับตัวสูงขึ้น  หรือง่ายๆ กระแสหวาดกลัวสินค้าราคาแพงกำลังหลอกหลอนสังคมไทยอยู่ในขณะนี้

ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นถูก หยิบยกนำไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านบางประเทศอย่างเช่น มาเลเชีย และ เมียนมา ที่ราคาต่ำกว่าบ้านเรามาก เพื่อปั่นกระแสความไม่พอใจของผู้คน ยังมีอีกหลายประเด็นที่ถูกหยิบขึ้นมาอธิบาย ไม่ว่าจำนวน บ่อน้ำมันของเรามีมากมายแต่ทำไมคนไทยใช้น้ำมันแพง เป็นต้น

ในขณะที่ภาครัฐและผู้ประกอบการด้านพลังงาน ต่างออกมาอธิบายถึง การปรับราคาน้ำมันขึ้น  4 ครั้งต่อเนื่อง ในเดือน พ.ค.2561 ว่าเป็นไปตามกลไกลตลาด  ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดต่างประเทศปรับสูงขึ้น  บริษัทน้ำมันในประเทศไม่ได้สูบเลือดคนไทย

วันนี้เราจะมาชำแหละ ราคาน้ำมันของบ้านเราว่า ใน 1 ลิตร มีค่าอะไรอยู่บ้าง  เหมาะสมหรือไม่ ใครได้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด  หากนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเอาไม่อยู่  น่าจะมีมาตรการอะไรออกมารับมือได้บ้าง

โครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศไทย ประกอบด้วย ?

  1. ราคาหน้าโรงกลั่นหรือราคาเนื้อน้ำมัน 2. ภาษีสรรพสามิต 3. ภาษีมหาดไทย (ภาษีเทศบาล) 4. เงินที่เรียกเก็บเข้า/อุดหนุน จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 5. เงินที่เรียกเก็บเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 6. ภาษีมูลค่าเพิ่มของราคาขายส่ง 7. ค่าการตลาด 8. ภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าการตลาด

จากโครงสร้างราคาน้ำมัน มาดูว่าราคาน้ำมันต่อ 1 ลิตร จากข้อมูลของสำนักนโยบายและแผนพลังงาน ล่าสุด วันที่ 23 พ.ค.2561 เป็นอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่าง น้ำมันดีเซล

  1. ราคาหน้าโรงกลั่น                                                         19.3954       บาท
  2. ภาษีสรรพสามิต                                                               5.850        บาท
  3. ภาษีมหาดไทย (ภาษีเทศบาล)                                          0.585        บาท
  4. เงินเก็บเข้า/อุดหนุน กองทุนน้ำมันฯ                                     0.01        บาท
  5. เงินเก็บเข้ากองทุนฯอนุรักษ์พลังงาน                                      0.1        บาท

(รวม 1-5 เท่ากับราคาชายส่ง                                                     25.9404    บาท)

  1. ภาษีมูลค่าเพิ่มราคาขายส่ง 1.8158 บาท

(ราคาขายส่ง+ภาษีมูลค่าเพิ่ม                                                     27.7563    บาท)

  1. ค่าการตลาด 1.9007 บาท
  2. ภาษีมูลค่าเพิ่มค่าการตลาด 0.1330  บาท

(ราคาขายปลีกหน้าปั๊มน้ำมันเท่ากับ                                              29.79    บาท)

จากโครงสร้างราคาน้ำมัน ดังกล่าว จะมีผู้ที่เกี่ยวข้อง 4 ส่วนคือ

1 โรงกลั่นน้ำมัน 2 ผู้ค้าน้ำมัน(ขายส่ง) 3 ปั๊มน้ำมัน(ขายปลีก) 4 รัฐบาลในฐานะเป็นผู้เก็บภาษี

ดังนั้นในราคา 29.79 บาท มีผู้ที่ได้รับเงินไป ดังนี้

โรงกลั่นได้รับไป 19.3954 บาท

ผู้ค้าน้ำมัน/ปั๊มน้ำมัน (ขายปลีก) รับจากค่าการตลาด 1.9007 บาท

รัฐบาล ได้จากภาษีและเงินกองทุนฯ รับไป 8.4938 บาท

จากโครงสร้างราคาจะเห็นได้ว่า ผู้ที่ได้รับเงินไปมากที่สุดจากราคาน้ำมัน 1 ลิตร คือ โรงกลั่น ซึ่งจะมีกำไรจะราคาการกลั่นเท่าไร ก็ขึ้นกับต้นทุนน้ำมันและค่าบริหารจัดการของโรงกลั่นซึ่งจะไม่ลงรายละเอียด รองลงมาคือ รัฐบาล ที่เก็บภาษีและเรียกเงินเข้ากองทุนน้ำมัน (ซึ่งปัจจุบันมีน้อยมาก คือ 0.01 และ 0.1 บาท) และ ผู้ค้าน้ำมัน และ ผู้ค้าปลีก หรือปั๊มน้ำมัน ที่ได้จากค่าการตลาด 1.90 บาท ซึ่งในส่วนค่าการตลาดนี้จะมีต้นทุนในเรื่อง ค่าบริหารจัดการ ค่าขนส่ง ค่าพนักงานฯ เป็นต้น

จากโครงสร้างที่แยกแยะออกมา บริษัทน้ำมัน นักวิชาการน้ำมัน ที่ออกมายืนยันว่า ราคาน้ำมันบ้านเราไม่ได้แพงเกินไป เพราะเป็นไปตามต้นทุนที่ยกมา แต่ เมื่อลองพิจารณาข้อเท็จจริง ของธุรกิจน้ำมันในเมืองไทย อดสงสัยไม่ได้ว่า ใครได้ประโยชน์ไปจากน้ำมันมากที่สุด และ เป็นธรรมหรือไม่อย่างไร ?

โรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทย

ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงกลั่นน้ำมันทั้งสิ้น 6 โรง คือ

  1. บริษัท ไทยออยล์จํากัด (มหาชน) (TOP)
  2. บริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จํากัด (มหาชน) (PTTGC)
  3. บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จํากัด (SPRC)
  4. บริษัท บางจากปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) (BCP)
  5. บริษัท ไออาร์พีซีจํากัด (มหาชน) (IRPC)
  6. บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) (ESSO)

แต่ทราบหรือไม่ว่า ใน 6 โรงนั้น มี ปตท.ถือหุ้นอยู่ในโรงกลั่นถึง 3 แห่ง คือ ไทยออลย์ (สัดส่วน 49.10) ,พีทีทีโกลบอลฯ (สัดส่วน 48.79 ) , ไออาร์พีซี(สัดส่วน 48.05) , รวมกำลังการผลิตแล้วมีสัดส่วนการกลั่นน้ำมันมากที่สุดในระบบ

สำหรับสถานีบริการน้ำมันหรือปั๊มน้ำมัน ปัจจุบัน ปตท. ถือเป็นรายใหญ่สุดมี จำนวนถึง 1,675 แห่งทั่วประเทศ จาก 5,197 แห่ง รองลงมาคือ PTG จำนวน 1,407 แห่ง, บางจากฯ จำนวน 1,075 แห่ง,  เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำนวน 542 แห่ง และ เชลล์ (ประเทศไทย) จำนวน 498 แห่ง

จะเห็นได้ว่า ทั้งโรงกลั่นน้ำมัน และ ปั๊มน้ำมัน ของประเทศไทย ปตท.ถือเป็นเจ้าใหญ่ที่มีสัดส่วนของตลาดมากที่สุด  และ เมื่อดูจากโครงสร้าง ราคาน้ำมัน ตามที่แยกแยะออกมา ชัดเจนว่า ใครคือผู้ได้ประโยชน์ในราคาน้ำมันมากที่สุด  คำถามต่อมาคือ แล้วปัจจุบัน ใครมีหุ้นใน ปตท.มากที่สุด ?

จากโครงสร้าง ผู้ถือหุ้นชัดเจนว่า กระทรวงการคลังยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของปตท. ถึง 51% ดังนั้นคำถามก็คือ แล้วเหตุใด ปตท.ไม่สามารถดำเนินนโยบายใดๆในเชิงสังคม ราคาน้ำมันทำไมถึงต้องอิงตามตลาดโลก ทำไมปตท.รวยจากธุรกิจน้ำมันปีเป็นแสนล้าน โดยที่คนไทยต้องใช้น้ำมันแพง แน่นอนคำตอบ ที่ ปตท.ยืนยันมาโดยตลอดคือ เนื่องจาก ปตท. เป็นบริษัท มหาชน ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น กระทรวงการคลัง หรือ รัฐบาลจึงไม่สามารถเข้าไปกำกับหรือสั่งการใดๆได้

วันนี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้าที่มีต้นทุนจากการใช้น้ำมันโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล เริ่มขยับ ขอปรับราคา สิ่งที่ภาครัฐออกมายับยั้งไว้ คือ การยืนยันว่าจะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยจะใช้กองทุนน้ำมันที่มีเม็ดเงิน อยู่ 30,000 ล้านบาท เข้าเป็นกลไกในการดึงราคาไว้ ก็ถือว่าเป็นแนวทางที่ทำได้ เพราะ เม็ดเงินเหล่านั้น เป็นเงินที่เก็บจาก ผู้ใช้น้ำมันโดยตรงอยู่แล้ว และ จากโครงสร้างการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในปัจจุบัน ถือว่า มีสัดส่วนน้อยมาก เพียง 0.01 บาท หรือแทบไม่ได้เก็บด้วยซ้ำ

ดังนั้น หากต่อไป ราคาน้ำมันประเภทอื่น ปรับตัวสูงขึ้น จะมีการเรียกร้องกดดันจากประชาชนเพื่อให้น้ำเงินกองทุนมาใช้ตรึงราคาน้ำมันด้วยหรือไม่..? และ เม็ดเงินที่มีอยู่จะสามารถตรึงราคาได้นานเท่าใด..? หาก ราคาตลาดโลกยังไม่ปรับลง? หาก เม็ดเงินกองทุนน้ำมัน หมดหน้าตัก จะมีวิธีการใดเพื่อรับมือ ? แน่นอน จากโครงสร้างของราคาน้ำมัน และ โครงสร้างของผู้ผลิต ผู้ประกอบการน้ำมันตามที่ยกมา และจากแนวทางที่รัฐบาลที่ผ่านๆมาใครใช้ ย่อมเป็นไปได้ว่า แนวทางการ ลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง น่าจะเป็นแนวทาง ที่รัฐบาลเลือกใช้ นั้นหมายถึง บริษัทน้ำมัน ยังคงมั่นคงและมีผลประกอบการที่เติบโตแบบคนใช้น้ำมัน ยังคงกังขา และตั้งคำถาม และคงทำได้เพียงระบายอารมณ์ลงในโลกโซเชียลกันต่อไป

The post ผ่าโครงสร้างราคาน้ำมัน ใครได้ประโยชน์มากสุด ? appeared first on Smart SME.

Promote Secrets of Victory SS5 บริษัท วีอาร์พี ฟู้ด แอนด์ เบเกอรี่ จำกัด


via IFTTT

เจ้าหน้าที่สาธาฯ ร้อง ก.คลัง ให้เลี่ยงจ้างลูกจ้างชั่วคราว l ข่าวค่ำทันโลก l 23 พ.ค.61


via IFTTT

เจ้าหน้าที่สาธาฯ ร้อง. คลัง ให้เลี่ยงจ้างลูกจ้างชั่วคราว l ข่าวค่ำทันโลก l 23 พ.ค.61


via IFTTT

สสว. อัดคูปองตรวจแล็บอัพเกรดเอสเอ็มอี l ข่าวค่ำทันโลก l 23 พ.ค.61


via IFTTT

Smart SME Expo 2018 “ชี้ช่องรวย ที่เดียวจบพบทางรวย” l ข่าวค่ำทันโลก l 23 พ.ค.61


via IFTTT

คนจนเลือกฝึกอาชีพเกษตรเพียบ l ข่าวค่ำทันโลก l 23 พ.ค.61


via IFTTT

รถร่วมขสมก. ขอขึ้นค่าโดยสาร 4 บาท อ้างแบกรับต้นทุนไม่ไหว

นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง (รถร่วม ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สมาคมฯ ทำหนังสือขอเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เพื่อยื่นข้อเสนอและเรียกร้องขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถร่วมขสมก. เพิ่มขึ้น อีก 4 บาท ทั้งในส่วนของรถร้อนและรถปรับอากาศ

  • รถร้อนขอปรับขึ้นค่าโดยสารจาก 9 บาท เป็น 13 บาท
  • รถปรับอากาศ ซึ่งจะเก็บค่าโดยสารตามระยะทางนั้น ในส่วนของรถสีน้ำเงินขอปรับขึ้นจากระหว่าง 12-24 บาท เป็น 16-28 บาท ส่วนรถสีเหลืองขอปรับขึ้นจากระหว่าง 13-25 บาท เป็น 17-29 บาท เนื่องจากเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มอีก อีก ก.ก.ละ 0.62 สตางค์ ทำให้ต้นทุนราคาก๊าซของรถร่วมปรับเพิ่มขึ้นเป็นก.ก.ละ 10.77 บาท

ปัจจุบันรถร่วมมีทั้งหมดประมาณ 4 พันคัน มีภาระหนี้สินจำนวนมาก ส่วนราคาเชื้อเพลิงเอ็นจีวี ก็ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่รถร่วมไม่ได้มีการปรับราคาค่าโดยสารมานานกว่า 4 ปีแล้ว ส่วนที่ขอปรับขึ้นราคา 4 บาทนั้นไม่ถือว่ามาก เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยให้เราปรับขึ้นค่าโดยสารได้ตามผลกระทบต้นทุนที่แท้จริงเลย ทั้งนี้ อยากเสนอให้กระทรวงคมนาคม จัดทำสูตรการปรับอัตราค่าโดยสารในรูปแบบเดียวกับเรือโดยสาร ที่สามารถปรับขึ้นและลงได้ตามราคาน้ำมันหรือก๊าซที่แท้จริง

นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังเสนอขอให้กระทรวงคมนาคม ทำการประนอมหนี้ค่าตอบแทนที่ค้างชำระกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) วงเงินราว 800 ล้านบาท และขอยกเว้นดอกเบี้ยจ่ายและค่าปรับย้อนหลัง รวมทั้งขอให้ปรับลดภาระการจ่ายค่าตอบแทนต่อขสมก. โดยขอให้ใช้อัตราที่บังคับใช้ปี 2548 คือ รถเมล์ร้อนอยู่ที่ 15 บาทต่อคันต่อวัน และรถโดยสารปรับอากาศอยู่ที่ 30 บาทต่อคันต่อวัน จากปัจจุบันที่รถร้อนจัดเก็บ 120 บาทต่อคันต่อวัน และรถปรับอากาศ 60-280 บาทต่อคันต่อวัน ซึ่งหากรัฐบาลยอมผ่อนผันตามข้อเสนอรถร่วมฯ ก็ยินดีที่จ่ายชำระหนี้ดังกล่าว

The post รถร่วมขสมก. ขอขึ้นค่าโดยสาร 4 บาท อ้างแบกรับต้นทุนไม่ไหว appeared first on Smart SME.

เดือด! ก๊าซหุงต้นขึ้นราคา พ่อค้าแม่ขาย ใกล้เจ๊ง l SMEs VOICE l 23 พ.ค. 61


via IFTTT

แฟรนไชส์ มาโต้ซูชิ l SMEs VOICE l 23 พ.ค. 61


via IFTTT

Digital Disruption สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ SMEs ควรรู้

Take me to the magic of the moment On a glory night Where the children of tomorrow dream away  in the wind of change .

นี้เป็นเนื้อร้องของเพลง wind of change ของวงสกอร์เปี้ยน (scorpions) วงร็อคชื่อดัง ตั้งแต่ปลายยุค 70s โดยเนื้อเพลงนี้ พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก ในปลายยุคสงครามเย็น ในช่วงปี ค.ศ. 1985-1991

ซึ่งในช่วงนั้นกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุโรปตะวันออก คือ การทลายกำแพงเบอร์ลิน รวมประเทศ เยอรมัน ทั้งสองเข้าด้วยกัน ผู้คนก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง ตามเนื้อเพลงที่บอกว่า wind of change “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง”

มองกลับมาที่ประเทศของเรานั้น ก็ผ่านวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ มามากมายพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ในปี พ.ศ. 2540 หรือ น้ำท่วมใหญ่ปี 2553 ไม่ว่าวิกฤติอะไรต่างๆที่เข้ามา เศรษฐกิจ ก็จะพบปัญหาเข้ามาเหมือนๆกัน คือ ต้นทุนด้างพลังงานสูงขึ้น ทำให้สินค้าต่างๆก็สูงขึ้นตามไปด้วย แต่ทุกครั้งเราก็เอาตัวรอดกันไปได้

แต่ในปีนี้ 2561 ก็เป็นอีกปีที่ ประเทศของเรา มีปัญหาทางเศรษฐกิจ,ต้นทุนด้างพลังงานสูงขึ้น แต่ที่มีมาเพิ่มอีกตัว คือ Disruption แปลตามศัพท์แล้ว หมายถึง การขัดขวาง, การหยุดชะงัก, การแตกกระเจิง จากคำแปลนี้ ตัวขัดขวางให้ธุรกิจของคุณหยุดชะงักแล้วแตกกระเจิง เมื่อรวมคำว่า Digital ก็จะเป็น Digital Disruption

Digital Disruption หมายถึง

การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล จนทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยนวัตกรรมทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ และ ทำให้มีผลกระทบกับธุรกิจเดิมอย่างรุนแรง

ภาพที่เห็นได้ชัด ที่แต่ก่อนใครหลายคนคุ้นชินกับการใช้บริการ รถ Taxi หรือ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ในการเดินทางไปที่ต่างๆ แต่เดี๋ยวนี้ผู้บริโภค เปลี่ยนมาใช้ Grab เพราะ สะดวกสะบายบริการดีตรงไปตรงมา ทำให้ผู้ใช้บริการ รถTaxi หรือ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดที่ว่า คนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ต้องไปรวมตัวประท้วงถึงหน้า บริษัท Grab ให้ปิดบริการกันเลยทีเดียว

 

นี้แหละที่เรียกว่า Digital Disruption ซึ่งทางออกของเรื่องนี้ไม่ใช้การปฏิเสธ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่เป็นการอยู่ร่วมกับมันแล้วหาช่องว่างของโอกาส

บทความที่เกี่ยวข้อง คลิก

The post Digital Disruption สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ SMEs ควรรู้ appeared first on Smart SME.

“กลยุทธ์ความสำเร็จ” ธุรกิจอาหารญี่ปุ่น และ ซูชิสไตล์พรีเมียม แบบต้นตำรับของร้าน MAGURO

ธุรกิจอาหารญี่ปุ่น และ ซูชิสไตล์พรีเมียม

พบกับ ธุรกิจอาหารญี่ปุ่น และ ซูชิสไตล์พรีเมียม แบบต้นตำรับ ของร้าน MAGURO โดยคุณจักรกฤติ สายสมบูรณ์ พร้อมกลยุทธ์ความสำเร็จในการขยายธุรกิจกว่า 5 สาขา

ไม่ว่าจะเป็นการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีเยี่ยม เลือกทำเลที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและกำหนดราคาที่เหมาะสม นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญกับการบริหารการเงินอย่างรอบคอบผ่าน TMB BIZ Advisory บริการให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อเพื่อ SME โดยผู้เชี่ยวชาญเหมือน Financial Consultant คู่ใจ คอยให้คำแนะนำอย่างตรงจุดบนระบบ VDO Conference ในห้องรับรองส่วนตัว ที่ทั้งสะดวกสบาย ตอบโจทย์ SME ได้มากกว่า

#GetMOREwithTMB #TMBMakeTHEDifference #เพราะคุณต้องได้มากกว่า

 

The post “กลยุทธ์ความสำเร็จ” ธุรกิจอาหารญี่ปุ่น และ ซูชิสไตล์พรีเมียม แบบต้นตำรับของร้าน MAGURO appeared first on Smart SME.

Promote Secrets of Victory SS5 บริษัท ชาฉุยฟง จำกัด


via IFTTT

มทร. ธัญบุรี ปั้นคลัสเตอร์สมุนไพรนำร่อง จ.ลำปาง l ข่าวค่ำทันโลก l 22 พ.ค.61


via IFTTT

6 ปัญหา ในการทำธุรกิจ ใครเจอแบบนี้ต้องรีบหาทางการแก้ไข

ปัญหา เชื่อว่าคำนี้ไม่ว่าใครๆคงไม่อยากเจอยิ่งเป็นเรื่องของธุรกิจด้วยแล้ว หากเกิดปัญหาอาจส่งผลให้ธุรกิจไปไม่รอด แน่นอนว่าในการดำเนินธุรกิจมักจะต้องประสบปัญหา เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ขึ้นอยู่กับกับสถานการณ์ ซึ่งประสบการณ์จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่สำหรับผู้ประกอบการใหม่ที่เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจอาจก่อให้เกิดความหนักใจในการหาทางแก้ ฉะนั้นแนวทางการแก้ไปหาถือเป็นสิ่งสำคัญ จึงขอนำเสนอ 6 ปัญหาในการทำธุรกิจ และแนวทางการแก้ไข มาเป็นแนวทางให้กับผู้ประกอบการได้นำไปปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ

1. ปัญหา ธุรกิจขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียน

ปัจจุบันในการดำเนินธุรกิจเป็นระบบทุนนิยม นั่นหมายถึงเรื่องเงินกลายเป็นเรื่องใหญ่สุด เพราะการดำเนินธุรกิจแทบทุกอย่างล้วนต้องใช้เงินทุนทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่ผู้ประกอบการใหม่ไม่ได้สนใจการจัดการระบบการเงินเท่าทีควร ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการรู้ถึงกระแสการเงินที่หมุนเวียนในระบบ และสามารถประเมินสถานการณืในการดำเนินการได้

แนวทางการแก้ไข

การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือผู้ประกอบการคือต้องจัดการบัญชีและการเงินให้ดี พร้อมกับการวางระบบบริหารที่ถูกต้อง และมีเงินทุนที่ต้องใช้จ่ายจริง บวกกับทุนสำรองที่มากเพียงพอต่อการประ กอบธุรกิจซึ่งอาจใช้การขอสินเชื่อจากทางธนาคารและสถาบันทางการเงินที่ส่วนใหญ่มีโปรแกรมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจแบบ SME  ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ซึ่งทางสถาบันการเงินได้เข้ามาช่วยเหลือและขจัดปัญหาในส่วนนี้ ทั้งนี้เงินทุนของกิจการ ควรแยกออกจากเงินส่วนตัว และไม่ควรที่จะนำมาใช้ร่วมกัน เพราะอาจทำให้ผู้เจ้าของธุรกิจเจอเข้ากับปัญหาชีวิตของตนเองเข้ามาอีกหนึ่งปัญหา

2.ผู้ประกอบการขาดความรู้ด้านบัญชีและกฏหมาย

ผู้ประกอบการที่สามารถตั้งต้นดำเนินธุรกิจได้ต้องยอมรับสิ่งหนึ่งว่ามีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ที่มองเห็นถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจ แต่ใช้ว่าทุกคนจะมีความรู้ในเรื่องของบัญชีหรือรวมไปถึงความรู้ทางด้านกฎหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโดยตรง ในส่วนนี้หากผู้ประกอบการไม่มีความรู้อะไรเลยอาจก่อให้เกิดปัญหารวมไปถึงข้อเสียเปรียบที่จะตามมา ปัญหาเหล่านี้มักจะมีรายละเอียดปลีกย่อย ที่ค่อนข้างซับซ้อนมาก  บางเรื่องเจ้าของกิจการ ก็ไม่สามารถค้นหาได้จากอินเทอร์เน็ต

แนวทางการแก้ไข

การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือเลือกใช้บริการบริษัทรับทำบัญชี และบริษัทให้คำปรึกษาทางกฎหมาย เพื่อให้เป็นผู้ดูแลโดยเฉพาะ ซึ่งจะดีและสะดวกกว่าดูแลด้วยตนเอง อีกทั้งยังจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ผู้ประกอบการก็ต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้วิธีการทำงานของบริษัทเหล่านี้ด้วย ซึ่งจะต้องมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาในการเลือกบริษัทบัญชีและบริษัทให้คำปรึกษาทางกฎหมาย จากความน่าเชื่อถือเป็นสำคัญ

3.พนักงานไม่มีความสามารถพอในการดำเนินงานนั้นๆ

ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจใหม่มักจะเจอกับปัญหาบุคลากร ซึ่งใช้งานไม่ตรงความสามารถหรือพนักงานที่รับเข้ามายังไม่ผ่านการคัดกรองที่ดีพอเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มความสามาถ

แนวทางการแก้ไข

แนวทางการแก้ไข คือ เจ้าของธุรกิจอาจต้องยอมจ่ายเพื่อจ้างพนักงานที่มีประสบการณ์และความรู้ที่เหมาะสมกับกิจการของตน โดยอาจจะต้องมีข้อเสนอพร้อมทั้งสวัสดิการที่น่าสนใจมากเพียงพอที่จะดึงดูดให้มาร่วมงานได้ แต่หากพนังงานมีการต่อลองเรื่องค่าตอบแทนสูงจนเกินไป ผู้ประกอบการควรพูดคุยกับพนักงานโดยตรง พร้อมทั้งให้สัญญาใจต่อกันว่าจะขึ้นเงินเดือนให้หากสิ้นปีธุรกิจได้ผลบวกและมีกำไรอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เมื่อทำได้แล้วก็ต้องไม่ลืมสัญญา เพียงเท่านี้เจ้าของกิจการก็น่าจะได้สมาชิกใหม่ซึ่งเป็นพนักงานที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทอย่างแน่นอน

4.ไม่มีเครือข่ายธุรกิจ

ปัญหานี้มักจะพบในผู้ประกอบการใหม่ซะเป็นส่วนใหญ๋ และจะส่งผลครอบคลุมในทุกด้านซึ่งการมีเครือข่ายสังคมจะช่วยผลักดันการทำธุรกิจได้อย่างมาก เพราะจะช่วยกระจายข่าวเกี่ยวกับบริษัทและการดำเนินธุรกิจไปสู่บุคคลภายในภาคส่วนต่างๆ ของสังคม  ทำให้มีผู้สนใจอยากจะใช้บริการและให้การสนับสนุนทางด้านธุรกิจมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างเครือข่ายธุรกิจให้มีจำนวนมากได้ จะต้องอาศัยเวลาพอสมควร

แนวทางการแก้ไข

ผู้ประกอบการควรเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในแวดวงธุรกิจให้มากที่สุดไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เช่น การเข้าร่วมกับองค์กรต่างๆ หรือสมาคมธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องเข้าเฉพาะเจาะจงให้ตรงกับธุรกิจเท่านั้น ในธุรกิจประเภทอื่นก็สามารถสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้เช่นกัน

5.ไม่มีประสบการณ์ขาดความน่าเชื่อถือ

หากผู้ประกอบการเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ยังไม่มีประวัติการดำเนินธุรกิจ เพิ่งจับตลาดและดำเนินธุรกิจเป็นครั้งแรกคนส่วนใหญ่มักจะมองว่า ไม่มีความน่าเชื่อถือหรือประสบการณ์ไม่ถึงในสายงานนั้นๆ และไม่เลือกใช้สินค้าหรือบริการทำให้ธุรกิจไปต่อไม่ได้

แนวทางการแก้ไข

ผู้ประกอบการเองควรแสดงให้เห็นถึงศักยภาพแสดงรูปแบบและอธิบายวิธีการทำงานของกิจการให้ลูกค้าฟังอย่างละเอียด และขอให้เพิ่มการรับประกันคุณภาพการทำงานด้วย เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถขายงานหรือทำสัญญาทางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น หรือในบางครั้งผู้ประกอบการอาจจะต้องนำเอาประวัติการทำงานส่วนตัวมานำเสนอเพื่อชูให้เห็นถึงแนวทางการทำงานในรูปแบบของบริษัท ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้เช่นกัน

6.ธุรกิจขาดทุน

ปัญหานี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบใหม่ หรือผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ก็ต้องเคยเจออย่างแน่นอน จะน้อยจะมากขึ้นอยู่กับแนวทางการแก้ปัญหาของแต่ละบริษัท แต่โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับบริษัทที่ยังไม่มีประสบการณ์ไม่มีการวางแผนการให้รัดกุม การดำเนินธุรกิจมีช่องโหวทำให้ต้นทุนสูงควบคุมต้นทุนการผลิตไม่ได้ ผลเสียขั้นสูงสุดอาจจะต้องปิดการ

แนวทางการแก้ไข

การแก้ปัญหาที่ดี คือ ผู้ประกอบการต้องทำแผนธุรกิจให้ละเอียดทุกเรื่องรวมถึงช่องทางและวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ หากยอดขายและผลกำไรไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ช่องทางและวิธีแก้ไขปัญหาแหล่งเงินทุนสำรองควรต้องระบุลงไปให้ชัดเจนในแผนธุรกิจ จะสามารถป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นได้อย่างมีระบบ หากผู้ประกอบการสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ธุรกิจกฌสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

Business Tips อื่นๆ คลิก

The post 6 ปัญหา ในการทำธุรกิจ ใครเจอแบบนี้ต้องรีบหาทางการแก้ไข appeared first on Smart SME.