นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ทิศทางการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยปัจจัยสำคัญมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ขยับสูงขึ้น การอาศัยจังหวะทำตลาดสินค้าส่งออกกลุ่มใหม่ในตลาดเดิม เช่น แอฟริกา หันมาปลูกพืชเองมากขึ้น ไทยควรอาศัยจังหวะนี้ในการผลักดันสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตร ผลดีของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งทำให้ไทยได้รับอานิสงส์ในการส่งออกสินค้าไปทดแทนยังสองตลาดนี้ รวมถึงสามารถดึงดูดการลงทุนเข้ามามากขึ้นด้วย
ในช่วงครึ่งปีหลังนี้กรมฯ มีแผนจะผลักดันการขยายตลาดผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ โดยผ่านแพลตฟอร์มใหม่ จากช่วงครึ่งปีแรกที่ประสบความสำคัญในการผลักดันการสร้างความร่วมมือกับทาง Tmall ของกลุ่มอาลีบาบาในการนำร่องการส่งออกข้าวและทุเรียน โดยจะต่อยอดไปสู่การส่งเสริมระบบ “เทรดโลจิสติกส์” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์สำหรับใช้แก้ปัญหาทางการค้า โดยจะมีการจัดงานแสดงสินค้าด้านโลจิสติกส์ “TILOG” ระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2561 และให้สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ (NEA) พัฒนาหลักสูตรในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และการทำตลาดแบบ “Experience Design”
ขณะเดียวกัน กรมยังมีแผนส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี ปั้น 4 ธุรกิจเป้าหมาย โดยจะจับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อกำหนดแนวทางส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี และส่งเสริมธุรกิจบริการใหม่ที่เป็นเป้าหมาย คือ มวยไทย, โฮสเทล, Hospitality อาหาร และธุรกิจก่อสร้างครบวงจรทั้งการออกแบบ ซึ่งขณะนี้มีหลายตลาดที่มีการลงทุนก่อสร้าง “เมืองใหม่” มากขึ้น เช่น ดูไบ กำลังจะจัดงาน “World Expo Dubai 2020” ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันการส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องปรับอากาศ และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น ภัตตาคาร ร้านอาหาร โรงแรม
นางจันทิราให้ความเห็นอีกว่า การส่งออกจะต้องมุ่งมองหาโอกาสโดยเฉพาะการเจาะตลาดสินค้าเฉพาะ หรือ Niche Market ซึ่งอาจเป็นการต่อยอดสินค้าใหม่จากตลาดเดิม เช่น อัญมณีและเครื่องประดับสำหรับสัตว์เลี้ยง ของใช้สำหรับผู้สูงอายุ แต่ในอนาคตมองถึงการต่อยอดธุรกิจหลังความตาย “ธุรกิจรับจัดงานศพ” ซึ่งปัจจุบันมีการมองถึงการพัฒนาเครื่องประดับสำหรับบรรจุอัฐิเก็บไว้เพื่อเป็นที่ระลึก หากไทยสามารถมองเห็นโอกาสต่อยอดในลักษณะนี้ได้
พร้อมกันนี้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังให้ดำเนินงานจัดทำเป้าหมายความต้องการของสินค้า (Demand Driven) ในปี 2562 เพื่อใช้ขับเคลื่อนการส่งออกตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการใช้การตลาดนำการผลิต โดยจะเริ่มนำร่องกำหนดเป้าหมายสินค้าเกษตรสำคัญๆ เช่น อาหาร เกษตร ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ไก่ ผลไม้ น้ำตาล เพื่อดูแลปัญหาราคาสินค้าเกษตรระยะยาว ไม่ให้ซ้ำรอยกับที่ผ่านมา
The post พาณิชย์ปั้น 4 ธุรกิจเป้าหมายส่งเสริม SME appeared first on Smart SME.
No comments:
Post a Comment