ในบ้านเรามีบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ระดับโลกอยู่ประมาณ 4 ราย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ ใช้กลยุทธ์สำหรับพิฆาตเซลส์แมนของบริษัทซัพพลายเออร์ (Supplier) ได้สำเร็จ ทำให้ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกเหล่านั้นสามารถซื้อสินค้าในราคาที่ถูกกว่าชาวบ้านและสามารถจัดรายการในห้างของตนด้วยราคาที่ถูกกว่าได้ตลอดปี แล้ว กฎ มีอะไรบ้างมาดูกันครับ
- อย่าแสดงความสนใจเมื่ออยู่ต่อหน้าพนักงานขาย
เพราะหากเราแสดงความสนใจในสินค้ามากๆ เขาก็จะขายคุณแพง นี่คือสูตรในการซื้อของ ทำไมห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศไทยถึงสามารถต่อรองสินค้าได้ในราคาถูกและเอาเข้าไปขายในห้างได้ เพราะคนพวกนี้จะมีกลยุทธ์ในการหักคอเซลส์ด้วยการไม่แสดงอาการสนใจใดๆเมื่ออยู่ต่อหน้าพนักงานขาย
- มีปฏิกิริยาไม่สนใจเสมอ
ไม่ว่าจะเสนออะไรไปก็แสดงอาการไม่สนใจและมีปฏิกิริยาที่โต้ตอบทำให้เซลส์แมนเสียฟอร์มและไม่สามารถคุยเรื่องราคาได้ เช่น การพูดว่าสินค้าหรือของคุณไม่เกิดหรอก แล้วงี้จะยังมากล้าเรียกราคาอีกเหรอ ทำให้เราไม่มีใจพูดเรื่องราคาเพราะเขาติสินค้าเราซะเละ
- ขอบางสิ่งบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้
โดยขอส่วนลดเยอะๆ หรือกำไรต่อหน่วย (Margin) มาก ยกตัวอย่างเช่น ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ชื่อดังในเมืองไทย คนที่จะเอาสินค้าเข้าไปขายต้องให้กำไรเขาไม่ต่ำกว่า 35% – 40 % เรียกได้ว่ากำไรที่เขาได้ยังมีมากกว่าเจ้าของผู้ผลิตสินค้าเสียอีก
- อย่าไปตอบตกลงตั้งแต่การเสนอครั้งแรก
จัดซื้อต้องสร้างความผิดหวังให้เซลส์ก่อน เช่น ขอโทษนะที่เสนอมาทั้งหมดล้มเหลว ผมพยายามช่วยคุณแล้วนะแต่ไม่ผ่านการพิจารณา
- เขาจะบอกว่าคุณต้องทำงานให้ดีกว่านี้
เช่นบอกว่า “คู่แข่งคุณทำงานได้ดีกว่าคุณเยอะเลยคุณรู้หรือเปล่า” หรือ “ผมดีล (Deal) กับคนอื่นด้วยไม่ได้ดีลกับคุณคนเดียว”
- แสดงว่าตนตัดสินใจไม่ได้
เพื่อเป็นการประวิงเวลาในการเจรจาต่อรอง อย่างเช่น “ผมต้องให้นายผมตัดสินใจผมตัดสินใจเองไม่ได้หรอก”
- แกล้งโง่แล้วหลอกถาม
เป็นการลวงเพื่อถามข้อมูลที่ต้องการ เช่น “พี่บอกหน่อยสิวงการนี้เขาได้กำไรเท่าไร” หรือ “ห้างผมจะขอให้บริษัทของพี่ช่วยผลิตสินค้าให้ เอาต้นทุนไม่แพงนะเพราะเราจะเอาไปขายราคาถูกเพื่อช่วยประชาชนไม่ต้องการกำไรมาก” แต่พอรู้ต้นทุนของเราเขาก็อาจไม่จ้างให้ผลิตแต่ก็รู้ต้นทุนไปแล้ว แต่พอเราเอาของไปขายเขาครั้งต่อไปก็จะหักคอหรือต่อแบบสุดๆ เพราะเขารู้ต้นทุนหมดแล้ว
The post กลยุทธ์พิฆาตเซลส์แมนของบริษัทซัพพลายเออร์ (Supplier) appeared first on Smart SME.
No comments:
Post a Comment